วิธีสังเกตเด็กซน ที่เข้าข่ายเป็นเด็กสมาธิสั้น 

วิธีสังเกตเด็กซน ที่เข้าข่ายเป็นเด็กสมาธิสั้น

การสังเกตเด็กซนที่เข้าข่ายเป็นเด็กสมาธิสั้นอาจจะยากเนื่องจากอาการของทั้งสองอาการนี้มีความเหมือนหรือเกี่ยวข้องกัน อย่างไรก็ตามมีบางสิ่งที่ทางพ่อมแม่สามารถสังเกตได้ เช่น

  1. ความจำเป็นในการเคลื่อนไหว
    เด็กสมาธิสั้นมักมีความจำเป็นในการเคลื่อนไหวและการกิจกรรมที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับเด็กธรรมดา ซึ่งเป็นเรื่องที่สามารถสังเกตได้ง่ายๆ เช่น เด็กที่ไม่สามารถนั่งอยู่กับที่เป็นเวลานานๆ หรือทำกิจกรรมที่เป็นการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องได้นานเท่าเดิม หรือไม่สามารถเล่นเกมที่ต้องใช้ความสนใจและความตั้งใจสูง เป็นต้น
  2. การเรียน
    เด็กสมาธิสั้นมักมีปัญหาในการเรียน จะสังเกตเห็นอาการไม่สามารถติดตามเนื้อหาในชั้นเรียน หรือไม่สามารถฟังคำอธิบายและเข้าใจสิ่งที่ถูกอธิบายได้ อาจจะเป็นเพราะเด็กมีอาการยากที่จะตั้งความสนใจได้ หรือมีอาการสมาธิสั้นทำให้เด็กมีความยากลำบากในการควบคุมความสนใจ หรือพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในชั้นเรียน 
  1. ความสัมพันธ์กับเพื่อน
    เด็กสมาธิสั้นอาจมีความยากลำบากในการสร้างความสัมพันธ์กับเพื่อน ซึ่งสามารถสังเกตได้จากการที่เด็กไม่มีเพื่อนหรือไม่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อน หรือมีปัญหาในการสื่อสาร การสังเกตอาการนี้จะช่วยให้ผู้ปกครองหรือครูเข้าใจว่าเด็กมีปัญหาเกี่ยวกับทักษะด้านสังคม
  2. อาการทางจิตใจและพฤติกรรม
    เด็กสมาธิสั้นอาจมีอาการทางจิตใจและพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม อาจมีการสับสน หรือการพูดอย่างเร็วเกินไป การเดินเร็ว การโจมตีทางคำพูด การขาดความเห็นอกเห็นใจ หรือพฤติกรรมอื่นๆ ที่ไม่เหมาะสมกับสังคม การสังเกตอาการพฤติกรรมของเด็กจึงจะช่วยให้ผู้ปกครองหรือครูได้รับรู้ปัญหาทางพฤติกรรมของเด็กและช่วยแก้ไขปัญหาได้อย่างไร้อย่างมีประสิทธิภาพ


อย่างไรก็ตาม การสังเกตเด็กซนที่เข้าข่ายเป็นเด็กสมาธิสั้นเป็นเพียงขั้นตอนแรกในการตรวจสอบว่าเด็กมีอาการสมาธิสั้นหรือไม่ แต่ในการตรวจสอบจริงๆ จะต้องใช้เครื่องมือที่เหมาะสมเพื่อวินิจฉัย ซึ่งอาการเด็กซนและเด็กสมาธิสั้นอาจมีความซับซ้อนและคล้ายคลึงกัน ดังนั้น พ่อแม่ควรปฏิบัติตามข้อแนะนำที่แพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญให้ไว้ และให้ระยะเวลาเพียงพอในการตรวจสอบการพัฒนาและการเรียนรู้ของเด็ก 

Reference

  1. “Efficacy of a Family-Based Cognitive-Behavioral Therapy for Children with Attention Deficit Hyperactivity Disorder” (2013) by J. A. Langberg et al. URL: https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3837322/
  2. “The Efficacy of Mindfulness-Based Interventions for Attention Deficit/Hyperactivity Disorder in Children and Adolescents: A Systematic Review and Meta-Analysis” (2018) by H. Modesto-Lowe et al. URL: https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC6112307/
  3. “Parent-Child Interaction Therapy for Children with Attention-Deficit/Hyperactivity Disorder: A Meta-Analysis” (2018) by D. M. Frey et al. URL: https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC6145996/
  4. “Effects of Neurofeedback on the Symptoms of ADHD: A Meta-Analysis” (2019) by J. Zhang et al. URL: https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC6869689/
  5. “A Pilot Study of Mindfulness Meditation Training for Attention Deficit Hyperactivity Disorder in Adulthood: Impact on Core Symptoms, Executive Functioning, and Emotion Dysregulation” (2020) by M. E. Gouda et al. URL: https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC7152142/