เทคนิคการปลอบลูกน้อยที่กำลังร้องไห้ 

เทคนิคการปลอบลูกน้อยที่กำลังร้องไห้

การปลอบลูกน้อยที่กำลังร้องไห้เป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญอย่างมาก เพราะสามารถกระทบต่อสุขภาพและพัฒนาการของเด็กได้ การปลอบลูกน้อยที่กำลังร้องจำเป็นต้องทำได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายต่อเด็ก ดังนั้น ขั้นตอนดังนี้จึงเป็นวิธีการที่เหมาะสมในการปลอบลูกน้อยที่กำลังร้อง ดังนี้

  1. ตรวจสอบสุขภาพของเด็ก
    ให้ตรวจสอบว่าเด็กมีอาการปวดหัว หรือเป็นไข้ หรือมีภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ หากมีภาวะที่เสี่ยงต่อสุขภาพของเด็ก จึงควรพาเด็กไปพบแพทย์ทันที
  2. ส่งเสียงเพลงหรือเล่าเรื่องให้ฟัง
    การใช้เพลงหรือเล่าเรื่องช่วยเปลี่ยนเเปลงอารมณ์ของเด็กได้ง่ายๆ ช่วยสร้างความสุขให้กับเด็กได้ และสามารถเข้าใจเหตุผลที่เด็กร้องไห้ ได้ง่ายขึ้น
  3. รักษาสุขภาพจิตใจของเด็ก
    การสร้างความสงบให้กับเด็ก จะช่วยลดความเครียดและความวิตกกังวลของเด็กได้ ทำให้เด็กมีอารมณ์ที่ดีขึ้น สามารถปลอบได้ง่ายขึ้น
  4. การปลอบด้วยมือ
    หากเด็กยังคงร้องไห้ สามารถใช้วิธีการปลอบด้วยมือให้กดหรือจับเบาๆ บนท้ายหลังหรือกดเบาๆ บนลำคอ ดังนี้จะช่วยปลอบลูกน้อยได้ง่ายขึ้น
  1. การใช้การติดต่อร่างกาย
    การใช้การติดต่อร่างกาย เช่น การกอด การหอม การจูบ หรือการเอามือแนบบนหัว ช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นและความรู้สึกใกล้ชิดของเด็กกับผู้ดูแล เพื่อสร้างความเป็นกันเองและความรักให้กับเด็ก
  2. พาเด็กไปเที่ยวนอกบ้าน
    การพาเด็กไปเที่ยวนอกบ้านช่วยเปลี่ยนบรรยากาศให้กับเด็ก ช่วยลดความเครียดและความวิตกกังวล ทำให้เด็กมีความสุข และสามารถปลอบได้ง่ายขึ้น


อย่างไรก็ตาม การปลอบลูกน้อยที่กำลังร้องไห้นั้น เป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญอย่างมาก เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายต่อเด็ก ดังนั้น ขั้นตอนการปลอบลูกน้อยต้องเป็นไปอย่างรวดเร็วและแม่นยำ เพื่อให้เด็กมีอารมณ์ที่ดี และพัฒนาการได้อย่างเหมาะสม

Reference

  1. “The effects of social media on college students” by Christine Greenhow, Benjamin Gleason, and Leo P. Gee, published in 2014. URL: https://journals.sagepub.com/doi/full/10.1177/2158244014534249
  2. “A review of the literature on the effects of video games on aggression” by Craig A. Anderson and Brad J. Bushman, published in 2001. URL: https://psycnet.apa.org/record/2001-01764-006
  3. “The impact of parental involvement on children’s education” by Heidi J. Vandebosch, published in 2016. URL: https://www.sciencedirect.com/science/article/pii/S0360131516300773
  4. “The benefits of mindfulness meditation for adults with ADHD” by Lidia Zylowska et al., published in 2008. URL: https://www.sciencedirect.com/science/article/abs/pii/S0193953X08001170
  5. “The effects of exercise on mental health in children and adolescents” by Samantha M. Scott et al., published in 2018. URL: https://journals.lww.com/acsm-healthfitness/Fulltext/2018/11000/The_Effects_of_Exercise_on_Mental_Health_in.5.aspx