“ผมชอบมากระบบก็มีให้ มีตอบแชทบอทของ AI ให้ มีทีมเทเลเซลล์ช่วยโทร Up-sell ทุกวันนี้ผมไม่ได้ส่งของเองแล้วครับ ค่าระบบก็ไม่ต้องจ่ายเงินอะไร แล้วในแง่ของการบริการลูกค้า ทางแบรนด์ก็ดูแลให้ดีจริงๆ”
![](https://jessiemum.com/wp-content/uploads/2023/02/1676455962799.jpg)
เริ่มทำธุรกิจออนไลน์แบรนด์ Jessie Mum อาหารเสริมเพิ่มน้ำนมแม่ มาแค่ 2 เดือน แต่กลับมีรายได้เข้ากระเป๋าเกือบ 2 แสนบาทต่อเดือน คุณแมก–โอภาส วิทยารุ่งเรืองศร ตัวแทนจำหน่าย เล่าเส้นทางชีวิตให้ฟังว่า ก่อนหน้านี้ได้ทำงานเป็นวิศวกรอยู่ในโรงงาน แต่อยากมีรายได้เพิ่มขึ้นอีก ถ้าจะทำเสริมก็ต้องไปหลังเลิกงานเท่านั้น นั่นทำให้ต้องสูญเสียเวลาที่จะไม่ได้ไปไหนเลย จึงได้พยายามหาช่องทางอื่นๆ ว่ามีธุรกิจอะไรที่สามารถสร้างรายได้ในขณะที่ยังทำงานไปด้วยได้ แต่ก็ติดปัญหาตรงที่ต้องทำงานอยู่ในโรงาน แล้วมันไม่สามารถฟิกเวลาได้
![](https://jessiemum.com/wp-content/uploads/2023/02/483295-1074x800.jpg)
จนผมได้เริ่มมาขายของออนไลน์ครับ ตอนนั้นเป็นสินค้าจีนล้วนๆ แต่ผมต้องทำหลายอย่าง ทำการตลาดเองตลอดเวลา สร้างเพจ หาสินค้าใหม่ พอผมขายไปสัก 3 เดือน ยอดเริ่มตก ก็ต้องหาสินค้าใหม่ แล้วก็เอามาขายใหม่ พอยอดเริ่มตกก็หาสินค้าใหม่อีกไปเรื่อยๆ แล้วก็ผมรู้สึกเหนื่อยเพราะทำเองทุกอย่าง ทั้งตอบแชทเอง ทั้งแพ็คของ ส่งสินค้าเอง ยิง Ads เอง ทำทุกอย่างด้วยตัวคนเดียวหมดเลย ถึงแม้ผมจะมีรายได้ที่ดีถึง 8 – 9 หมื่นบาท แต่มันก็เหนื่อยมากจริงๆ ครับที่ต้องมานั่งดูเองทั้งหมด
![](https://jessiemum.com/wp-content/uploads/2023/02/1676456240247.jpg)
จนมีวันหนึ่งที่คุณธีร์ (ธีรชัย เรืองชัยนิคม ที่ปรึกษาการตลาดตัวแทนจำหน่าย Jessie Mum) ได้โทรมาหาผม ผมก็ได้ปรึกษา จนได้รู้จากคุณธีร์ว่า ทางแบรนด์มีรับสมัครตัวแทนจำหน่ายพอดี ตอนได้ยินครั้งแรกว่า เป็นอาหารเสริมเพิ่มน้ำนมแม่ ก็รู้สึกอึ้งๆ ว่าเราจะขายได้เหรอ เราเป็นผู้ชายนะ พอได้ลองฟังคุณธีร์อธิบายและเราได้ศึกษาข้อมูลของแบรนด์ ทำให้รู้สึกว่าน่าสนใจ เพราะตลาดค่อนข้างมีการแข่งขันกันต่ำ แต่ก็ติดปัญหาอยู่ว่า เราจะขายได้ไหม แต่พอนึกถึงคุณธีร์ก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน เขาก็ยังขายได้ดีมียอดขายต่อเดือนหลายล้านบาท
จุดเปลี่ยนที่เลือกมาเป็นตัวแทน
![](https://jessiemum.com/wp-content/uploads/2023/02/pfluk.jpg)
สำหรับใครที่อยากเริ่มต้น แต่ขายไม่เป็น Jessie Mum สอนให้หมด และแบรนด์ซัพพอร์ตให้ทุกอย่าง มีสื่อการขายเตรียมไว้ ทั้งรูปภาพและคลิปวิดีโอ พร้อมทั้งแพทเทิร์นในการขาย ที่ตัวแทนสามารถนำไปใช้สำหรับขายได้เลย ยังมีคนที่มีประสบการณ์จริงมาเทรนส่วนตัวแบบตัวต่อตัว คุณแมก เล่าให้ฟังต่อว่า พอผมได้มาขายและได้รับในสิ่งที่แบรนด์เตรียมมาให้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของระบบก็มีให้ มีตอบแชทบอทของ AI เราไม่ต้องตอบแชทเอง บางทีเราไปนั่งกินข้าว กลับมาเปิดแชทดู ลูกค้าก็ซื้อแล้วเพราะคุยกับบอทให้ ขายได้แบบไม่ต้องเหนื่อยมาก เป็นอะไรที่แตกต่างจากขายสินค้าจีน ยังช่วยให้เราประหยัดเวลาตรงนี้เยอะ ส่วนเรื่อง Ad ก็มีการใช้ AI Automation ทุกอย่าง มันทำให้ผมไม่ต้องมาดู Ads เองเลย และก็มีทีมงานของบริษัทที่เป็นเทเลเซลล์ช่วยโทรขายเพิ่มยอดให้อีก เราก็ไม่ต้องส่งของเองด้วย เพราะทางบริษัทส่งให้ แค่เรามีออเดอร์ไปคีย์ในระบบก็จะทำการส่งต่อให้เอง แล้วค่าระบบผมก็ไม่ต้องเสียด้วยครับ
![](https://jessiemum.com/wp-content/uploads/2023/02/483293-600x800.jpg)
แล้วเมื่อมีคนทำได้ ผมก็ต้องทำได้ และการที่แบรนด์ดูแลผมเป็นอย่างดี ก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ผมตัดสินใจเป็นตัวแทน Jessie Mum ถึงแม้ในช่วงเดือนแรกๆ จะขายได้แค่หลักหมื่นต้นๆ เพราะว่าเริ่มต้นยังขายไม่เก่ง คือตอนนั้นยังขายสินค้าที่เป็นควบคู่กับของจีนอยู่ คือเราตั้งใจยิง Ads แล้วได้ตังค์เลย พอมาขาย Jessie Mum ก็ยังติดความคิดเดิมๆ อยู่ พอไม่ได้ใช้ตรงนี้แล้ว รู้สึกยอดไม่ค่อยโตเท่าไหร่ ก็เลยยังไม่ได้ทุ่มเททำอย่างเต็มที่ แต่พอสินค้าจีนเริ่มมีปัญหา จนรายได้ก็ค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ นั่นทำให้ผมตั้งเรียนรู้วิธีการให้มากขึ้น
![](https://jessiemum.com/wp-content/uploads/2023/02/483266-600x800.jpg)
![](https://jessiemum.com/wp-content/uploads/2023/02/483296-600x800.jpg)
หลังจากที่ผมขาย Jessie Mum มาเรื่อยๆ จากนั้นก็มียอดค่อยๆ เขยิบตามเงินเดือนขึ้นมา ทำให้ผมคิดว่าขนาดใช้เวลาว่างหลังเลิกงานแค่นี้ยังได้ยอดขนาดนี้ แล้วถ้าเราออกมาลุยออนไลน์เต็มตัวล่ะ คิดแล้วผมก็เลยตัดสินใจออกจากงานประจำทันทีครับ เพื่อมาเริ่มสิ่งใหม่ที่ดีกว่า ถึงแม้ตอนขายช่วงแรกๆ รายได้ยังไม่เยอะ แต่ตัวตัดสินให้ผมมั่นใจคือวันที่สินค้าจีนตัวเดิมที่ผมขายควบคู่มามีปัญหาครับ รายได้จาก 7 – 8 หมื่นบาท ค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ จนมาถึงแค่หมื่นกว่าบาท เมื่อเทียบกับที่ขาย Jessie Mum รายได้ยังอยู่ที่ 2 หมื่น 3 หมื่น ประคองอยู่เรื่อยๆ ครับ ขนาดทำบ้างไม่ทำบ้าง แต่มันก็เติบโตช้าๆ แต่มั่นคงครับ ทำให้เป็นจุดเปลี่ยนที่ผมมาทุ่มเทให้กับ Jessie Mum เป็นหลักแทน และรายได้เดือนแรกขึ้นมาเกือบ 6 หมื่นบาท มาเดือนที่สอง โฟกัสเต็มที่ขึ้นมา 160,000 บาท ในเวลา 2 เดือนเท่านั้น เท่ากับว่ารายได้จากขายสินค้าจีนเหลือ 10% ส่วนรายได้ขาย Jessie Mum 90%”
ตัวแทนขึ้นตรงกับบริษัท
Jessie Mum รู้ดีว่า สิ่งสำคัญของการมีตัวแทนจำหน่ายไม่ได้อยู่ที่ปริมาณ ว่ามีจำนวนมากแล้วจะประสบความสำเร็จเสมอไป แต่อยู่ที่การวางระบบการสร้างตัวแทนที่มีคุณภาพ ความเอาใจใส่ และการดูแลตัวแทนจำหน่ายอย่างใกล้ชิดเพื่อที่จะก้าวเดินเติบโตไปพร้อม ๆ กับแบรนด์มากกว่า คุณแมก เล่าต่อว่า “ทางแบรนด์มีความเข้าใจ ได้มีการจัดเตรียมให้เรียบร้อย เพื่อให้ตัวแทน Jessie Mum ให้ได้ขายดีที่สุด พอเราขายได้ ทำยอดได้แล้ว ทางแบรนด์ก็จะเติบโตไปด้วยเช่นกัน แล้วไม่ต้องกลัวว่าตัวแทนจะล้นตลาด แบรนด์มีวิธีจัดการ เพราะแบรนด์ไม่ได้เป็นระบบตัวแทนต่อตัวแทน คือใครอยากเป็นตัวแทนก็ติดต่อไปที่บริษัทเลย ตัวแทนขึ้นตรงกับบริษัท แล้วตัวแทนก็รับรายได้จากการขายเต็มๆ แบบไม่มีใครมาหักหัวคิวด้วย ซึ่งทางแบรนด์ก็มีวิธีพิจารณาคัดเลือกเอง เพื่อเป็นการควบคุมปริมาณตัวแทนไม่ให้เยอะจนเกินไป เอาแค่บริษัทสามารถดูแลตัวแทนได้อย่างทั่วถึง
![](https://jessiemum.com/wp-content/uploads/2023/02/483266-600x800.jpg)
สินค้าดี มีการซื้อซ้ำ
อย่างไรก็ตาม คนที่ขายออนไลน์มาแล้ว แต่ยังไม่ปัง อยากมียอดขายสัก 6 หลักขึ้นไป และกำลังทำงานประจำอยู่อยากจะออกมาขายออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จเหมือนกับ คุณแมก-โอภาส วิทยารุ่งเรืองศร ตัวแทนจำหน่าย Jessie Mum ที่ออกมาทำออนไลน์แบบเต็มตัว เพียงแค่ 2 เดือน ก็มีรายได้แตะเกือบ 2 แสนบาทต่อเดือนนั้น “ผมคิดว่าปัญหาหลายอย่างที่คนไม่ประสบความสำเร็จ คือโฟกัสขายหลายอย่างมากเกินไป ถ้าเลือกสินค้าที่มีความพร้อมจริงๆ มีระบบซัพพอร์ตที่ดี และสินค้าจำเป็นที่ต้องการในตลาด มีการซื้อซ้ำต่อเนื่อง ผมว่าโอกาสจะเติบโตก็จะง่ายกว่าสินค้าที่ไม่มีการซื้อซ้ำเลยนะครับ” คุณแมก กล่าวทิ้งท้าย