ทำไมต้องฝากครรภ์ให้แพทย์ช่วยดูแล 

ทำไมต้องฝากครรภ์ให้แพทย์ช่วยดูแล

การฝากครรภ์คือช่วงเวลาที่หญิงสาวมีการตั้งครรภ์และมีการเจริญเติบโตของทารกภายในครรภ์ในช่วงเวลาประมาณ 9 เดือน การฝากครรภ์เป็นช่วงเวลาที่มีความสำคัญมากที่สุดในชีวิตของคุณแม่มือใหม่และครอบครัว เนื่องจากการดูแลสุขภาพของคุณแม่และทารกภายในครรภ์จะมีผลต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาของทารกในอนาคต


ซึ่งการดูแลที่ดีของการฝากครรภ์จะเริ่มต้นด้วยการเข้ารับการตรวจครรภ์โดยแพทย์จะตรวจร่างกายและอาการของแม่และทารกภายในครรภ์ เช่น การวัดความดันโลหิต การตรวจสุขภาพทั่วไป การตรวจดูแลความสมบูรณ์ของไขกระดูกและกล้ามเนื้อ การตรวจดูแลการเจริญเติบโตของทารกภายในครรภ์ และการตรวจดูแลความเสี่ยงทางพันธุกรรมต่างๆ


นอกจากการตรวจครรภ์ แพทย์ยังสามารถให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพของแม่และทารกภายในครรภ์ รวมถึงการสอนวิธีการดูแลเองเพื่อรักษาสุขภาพของตนเองและทารกภายในครรภ์ เช่น การดูแลอาหาร การออกกำลังกายที่เหมาะสม การนอนหลับอย่างเพียงพอ และการดูแลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการฝากครรภ์


นอกจากนี้แล้ว แพทย์ยังสามารถตรวจสุขภาพของแม่และทารกภายในครรภ์โดยใช้เครื่องมือการแพทย์ที่มีอยู่ในปัจจุบัน เช่น การตรวจดูแลความเป็นมะเร็งเต้านม การตรวจดูแลความเป็นไข้หวัดใหญ่ และการตรวจวัดสุขภาพทางเลือกเช่น การตรวจสุขภาพช่องปาก และการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการดูแลเด็กหลังจากเกิด เพื่อให้แม่และครอบครัวมีความมั่นใจในการดูแลเด็กในช่วงเริ่มต้นของชีวิต


ในกรณีที่พบภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงในการฝากครรภ์ แพทย์จะเร่งรัดให้แม่ได้รับการรักษาให้เร็วที่สุด โดยมีการตรวจครรภ์แบบเป็นระยะๆเพื่อตรวจสุขภาพของแม่และทารกภายในครรภ์อย่างปลอดภัยที่สุด


ซึ่งการรักษาแบ่งออกเป็นหลายระดับตามความรุนแรงอาทิเช่น ให้ยาแก้ปวด ยาแก้ไข้ หรือการผ่าตัดเป็นต้น และแม่จะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิดเพื่อตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ


โดยการฝากครรภ์ให้แพทย์ช่วยดูแลยังมีผลต่อสุขภาพของเด็กเมื่อเกิดขึ้นแล้ว การตรวจครรภ์ในช่วงก่อนเข้าคลอดจะช่วยตรวจพบภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นกับทารกและสามารถรักษาให้เหมาะสมก่อนที่จะเกิดการคลอด นอกจากนี้ การฝากครรภ์ให้แพทย์ช่วยดูแลยังช่วยเตรียมความพร้อมของแม่และครอบครัวที่จะรับการมีบุตร เช่นการสอนการดูแลเด็กแรกเกิด การเตรียมตัวให้พร้อมก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงอย่างละเอียดอ่อนของการดูแลเด็กในช่วงเริ่มต้น


ดังนั้น การฝากครรภ์ให้แพทย์ช่วยดูแลเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก แม้ว่าจะมีความจำเป็นที่ต้องมีการเข้ารับการตรวจครรภ์และการดูแลอย่างใกล้ชิดจากแพทย์ แต่การดูแลแบบนี้จะช่วยให้แม่และทารกภายในครรภ์มีสุขภาพที่ดีและเตรียมพร้อมก่อนเข้าสู่ช่วงการดูแลเด็กในอนาคต โดยทั่วไป การฝากครรภ์ให้แพทย์ช่วยดูแลจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดแทรกซ้อนและภาวะป่วยในขณะฝากครรภ์ ทำให้การคลอดและการดูแลทารกหลังคลอดเป็นไปได้ด้วยความปลอดภัยมากขึ้น แม้ว่าการฝากครรภ์ให้แพทย์ช่วยดูแลจะต้องใช้ค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าการฝากครรภ์ที่ไม่ได้รับการช่วยเหลือจากแพทย์ แต่การฝากครรภ์ให้แพทย์ช่วยดูแลจะเป็นการลงทุนที่สำคัญสำหรับสุขภาพของแม่และทารกภายในครรภ์

Reference

  1. Kogan, M. D., & Alexander, G. R. (1994). Jackpot? Prenatal Care and Infant Health. Health Services Research, 29(2), 225-246. https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC1070159/
  2. Rochat, R. W., & Koonin, L. M. (1991). A Population-Based Assessment of the Role of Prenatal Care in the Prevention of Infant Mortality. American Journal of Obstetrics and Gynecology, 164(3), 812-819. https://www.sciencedirect.com/science/article/pii/S0002937819310447
  3. Lu, M. C., & Halfon, N. (2003). Racial and Ethnic Disparities in Birth Outcomes: A Life-Course Perspective. Maternal and Child Health Journal, 7(1), 13-30. https://link.springer.com/article/10.1023/A:1022537516969
  4. Bryant, A. S., Worjoloh, A., Caughey, A. B., & Washington, A. E. (2010). Racial/Ethnic Disparities in Obstetric Outcomes and Care: Prevalence and Determinants. American Journal of Obstetrics and Gynecology, 202(4), 335-343. https://www.sciencedirect.com/science/article/pii/S0002937810012025
  5. Kogan, M. D., & Singh, G. K. (2003). Persistent Socioeconomic Disparities in Infant, Neonatal, and Postneonatal Mortality Rates in the United States, 1969-2001. Pediatrics, 111(6), 1307-1314. https://pediatrics.aappublications.org/content/111/6/e695