การปั๊มนม เป็นทักษะที่ต้องอาศัยการเรียนรู้และฝึกฝน ไม่ต่างกับการหัดขับรถหรือทำกับข้าว ในครั้งแรกของการปั๊มนม คุณแม่อาจจะได้น้ำนมแค่ติดก้นขวด เมื่อปั๊มบ่อยๆ ทุกวัน จะสามารถเรียนรู้กลไกการหลั่งน้ำนม (Let Down Reflex) ของตนเอง และจะปั๊มได้ง่ายและมีปริมาณมากขึ้นในที่สุด
ควรจะปั๊มนมได้ครั้งละกี่ออนซ์
การปั๊มนมได้กี่ออนซ์นั้นไม่ใช่ข้อพิสูจน์ว่า คุณแม่มีนมพอสำหรับลูกหรือไม่ เนื่องจากปริมาณน้ำนมที่ปั๊มได้นั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น เพิ่งจะเริ่มปั๊ม หรือปั๊มมานานแล้ว อายุของลูก ระยะเวลาในการปั๊ม คุณภาพของเครื่องปั๊มนมที่ใช้อยู่ จำนวนครั้งของการปั๊มในแต่ละวัน ระยะเวลาที่เริ่มปั๊มครั้งแรกนับจากลูกเกิด ฯลฯ
ปัจจัยเหล่านี้ล้วนมีผลกับปริมาณน้ำนมที่ปั๊มได้ในแต่ละคน ไม่ควรเปรียบเทียบกับคนอื่น แล้วก็คิดเอาเองว่าเรามีนมไม่พอ หากต้องการปั๊มนมให้ได้ปริมาณมากพอสำหรับลูกต้องใช้เครื่องปั๊มนมให้ถูกวิธี
ควรใช้เวลาในการปั๊มนานแค่ไหน
ถ้าปั๊มได้ถูกวิธีและชำนาญแล้ว การปั๊มนมแต่ละข้างอาจจะใช้เวลาเพียง 10 นาทีต่อข้าง หรือพร้อมกันสองข้างหากเป็นแบบปั๊มคู่ แต่โดยทั่วไปสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มปั๊ม อาจจะยังไม่รู้จักกลไกการหลั่งน้ำนมของตนเอง ควรจะใช้เวลาในการปั๊มอย่างน้อย 15 นาที ต่อข้าง
- “Breastfeeding and child cognitive outcomes: evidence from a hospital-based breastfeeding support policy” by Huang R, et al. (2019). https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC6486147/
- “Breastfeeding and respiratory tract infections during the first 2 years of life” by Oddy WH, et al. (2003). https://journals.lww.com/pidj/Abstract/2003/11000/Breastfeeding_and_Respiratory_Tract_Infections.7.aspx
- “Breastfeeding and the risk of Sudden Infant Death Syndrome” by Vennemann MM, et al. (2009). https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3261945/
- “Breastfeeding and maternal and infant health outcomes in developed countries” by Horta BL, et al. (2013). https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3675779/
- “Breastfeeding and the risk of childhood leukemia: a meta-analysis” by Zhang X, et al. (2015). https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/25968653/