หนุ่มโปรแกรมเมอร์ พูดไม่เก่ง พลิกชีวิต ขายของออนไลน์จนมีรายได้หลักล้าน

หนุ่มโปรแกรมเมอร์พูดไม่เก่ง พลิกชีวิต ขายของออนไลน์จนมีรายได้หลักล้าน

“สินค้าไม่ได้จำกัดแค่ผู้หญิงที่ขายได้ แต่ผู้ชายก็ขายได้ครับ ประเด็นอยู่ที่ว่าเรามีความรู้ และศึกษาเรื่องนั้นยังไงในการตอบลูกค้า เพราะเอาจริงๆ สินค้ามันดีอยู่แล้ว ขายได้ตัวมันเอง”   

ใครที่กำลังทำงานประจำอยู่ เชื่อว่ามีหลายคนอยู่ในสภาวะชักหน้าไม่ถึงหลัง บางคนอาจอยู่แบบเดือนชนเดือน ไหนจะหวาดระแวงโดนทวงหนี้ ทำงานก็ไม่มีสมาธิ  แต่ก็มีความฝันอยากเป็นเจ้าของธุรกิจตัวเอง หรือบางคนก็พยายามหารายได้เสริมเพื่อให้พอใช้ไม่ต้องไปหยิบยืมใคร แต่ส่วนใหญ่จะหาแผนสำรองด้วยการขายของออนไลน์เพราะทำได้ง่าย ไม่ต้องใช้เงินทุนมากมาย และก็เหมาะที่จะเป็นอาชีพเสริมในยุคสมัยนี้

วันนี้ขอมาพูดคุยกับ คุณมอส-รุจิโรจน์ แซ่อึ้ง ตัวแทนจำหน่าย Jessie Mum ที่จะมาแชร์เรื่องราวในอดีตเคยทำงานเป็นพนักประจำในตำแหน่งโปรแกรมเมอร์อยู่เกือบ 10 ปี แต่มีรายได้ไม่พอใช้ จนมาถึงจุดเปลี่ยนพลิกชีวิตตัวเองจากการขายสินค้าสมุนไพรเพิ่มน้ำนมแม่ ด้วยการเริ่มต้นลงทุนเพียง 1 หมื่นกว่าบาท แต่คืนทุนในเวลาแค่ 7 วัน และสามารถมีรายได้เข้ากระเป๋าเดือนละ 1 ล้านกว่าบาท เพื่อเป็นทางลัดให้มนุษย์เงินเดือนที่กำลังมองหาอาชีพเสริมที่สองให้กับตัวเอง

จุดเปลี่ยนที่มาขายออนไลน์

ปัจจุบันมีการแข่งขันออนไลน์สูงมาก ทำให้มีความลำบากในการต้องเลือกสินค้าขาย แต่ Jessie Mum แบรนด์เปิดมา 6 ปีแล้ว ทำให้มีความน่าเชื่อถือ ลูกค้ามั่นใจ มีการซื้อซ้ำค่อนข้างสูงมาก และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ในชีวิตของคุณแม่ ทำให้ “คุณมอส” ตัดสินใจที่จะมาเข้ามาเป็นตัวแทน ได้เล่าให้ฟังว่า รายได้ประจำก็รู้ๆ อยู่ มันไม่พอใช้ เลยต้องหารายได้เสริมเข้ามาช่วยอีกทาง ตอนนี้ก็ทำมาจนมีรายได้ 1.09 ล้านบาท จากที่ผมเริ่มทำเดือนมกราคมเมื่อ 9 เดือนที่แล้ว ถามว่ารายได้ขนาดนี้มายังไง เริ่มจากผมต้องเลิกคิดแบบมนุษย์เงินเดือนก่อน ที่ต้องรอเงินเดือนทุกๆ สิ้นเดือน แต่พอมาขาย Jessie Mum ผมได้เงินทุกวัน คือซื้อมาขายไป จากครั้งแรกลงทุน 50 กล่อง ใช้เวลาขาย 7 วันคืนทุนแล้วครับ

“เอาจริงๆ ผมเป็นมนุษย์ Dav (Developer) ชีวิตส่วนใหญ่อยู่หน้าคอมพิวเตอร์ตลอด หันซ้ายหันขวาก็เจอแต่กำแพงห้อง จนวันหนึ่งผมเห็นโฆษณา Jessie Mum น่าสนใจ เราก็อยากมีรายได้เสริม เห็นเปิดให้สมัครเป็นตัวแทน ผมก็เลยติดต่อเข้าไปเลย ถือเป็นแบรนด์แรกและก็ตัดสินใจขายทันที ผมทำกับแฟนแค่ 2 คน เราแบ่งหน้าที่กัน ผมทำในส่วนของหลังบ้าน คือดูแลระบบต่างๆ และก็ยิงโฆษณา ส่วนแฟนก็มีหน้าที่ตอบลูกค้าครับ เพราะผมสื่อสารไม่ค่อยเก่ง ถนัดอยู่กับหน้าคอมมากกว่าให้แฟนรับหน้าที่คุยกับลูกค้าไป”

บริษัทใจใส่ตัวแทน ผลักดันสู่ความสำเร็จไปพร้อมๆกัน

Jessie Mum ได้รู้ว่า หัวใจของการมีตัวแทนจำหน่ายไม่ได้อยู่ที่ปริมาณ ว่ามีจำนวนมากแล้วจะประสบความสำเร็จเสมอไป แต่อยู่ที่การวางระบบการสร้างตัวแทนที่มีคุณภาพ ความเอาใจใส่ตัวแทนจำหน่ายอย่างใกล้ชิดเพื่อที่จะก้าวเดินเติบโตไปพร้อมกัน เกี่ยวกับเรื่องนี้ “คุณมอส” เล่าต่อว่า ทางแบรนด์มีการสอนให้หมดทุกอย่าง ตั้งแต่เปิดเพจทำยังไง หาคอนเทนต์ยังไง มีคู่มือที่เป็นสคริปต์เพื่อใช้ในการขาย เช่น ลูกค้าถามอะไรมา เราควรจะตอบยังไง เพราะว่าอย่างผมกับแฟนก็ไม่เคยมีลูกครับ ผมจะตอบยังไง ก็ต้องอ่านจากคู่มือตรงนี้ มาช่วยตอบลูกค้า แรกๆ อาจจะมีติดขัดบ้าง แต่พอทำมาเรื่อยๆ เราก็มีความรู้ เริ่มชำนาญ เวลาลูกค้าถามมาซ้ำๆ เจอคำถามเดิมๆ บ่อยๆ เราก็ตอบได้แบบไม่ต้องดูสคริปต์เลย

    “ถามว่ายอด 1 แสน ทำยากมั้ย เอาตรงๆ ทุกวันนี้กะแค่ขายเป็นงานอดิเรก แต่ผมก้าวมาไวจนขายวันละ 40 กล่อง ผมก็ทำได้ ก็ถึงวันนี้ผมได้เป็นล้านบาทแล้วครับ ในจำนวนนี้อย่าคิดว่ายากนะ ถ้าเราขยันซะอย่าง ใครที่เริ่มใหม่ๆ ก็ค่อยๆ ขายวันละ 4 กล่องไปก่อน ไปทีละสเต็ป แล้วเราก็แค่วางแผนเรื่องเวลาให้ดี ครบ 1 เดือนคุณก็ได้ยอด 1 แสนบาทแล้ว อย่างผมทำงานประจำ ผมก็จะมีเวลาหลังเลิกงานในการทำ ผมก็ยังทำได้ยอดขนาดนี้ อย่าคิดว่าผมเป็นโปรแกรมเมอร์จะมีความรู้เยอะกว่าคนอื่น ที่จริงไม่ต้องเก่งมาก่อน ก็สามารถทำได้เช่นกัน”

สินค้าดีอยู่แล้ว ผู้ชายขายได้สบายๆ

     เนื่องจากตัวสินค้าที่เป็นอาหารเสริมกระตุ้นน้ำนมสำหรับคุณแม่ อาจทำให้หลายคนคิดว่าการเข้ามาเป็นตัวแทนจำหน่ายจะต้องเป็นผู้หญิงและรู้จักกับผลิตภัณฑ์เป็นอย่างดี ทำให้มีข้อสงสัยว่า หากเป็นผู้ชายจะสามารถขาย Jessie Mum ได้หรือไม่ เพราะกลุ่มลูกค้าเป็นคุณแม่ลูกอ่อน ซึ่งทาง “คุณมอส” เล่าถึงเรื่องนี้ว่า  ต้องบอกอย่างนี้ครับ สินค้าไม่ได้จำกัดแค่ผู้หญิงที่ขายได้ แต่ผู้ชายก็ขายได้ครับ ประเด็นอยู่ที่ว่าเรามีความรู้ และศึกษาเรื่องนั้นยังไงในการตอบลูกค้า ซึ่งเอาจริงๆ สินค้ามันดีอยู่แล้ว ขายได้ตัวมันเอง โดยที่ลูกค้าคงไม่ได้มาเจาะจงที่ตัวเรามาก แต่โฟกัสที่สินค้าว่าช่วยในสิ่งที่คุณแม่ต้องการได้จริงไหม  เพราะสินค้าดียังไงก็ขายตัวมันเองอยู่แล้วครับ

    “อย่างสินค้าเพิ่มน้ำหนักเป็นสินค้าที่รับตัวแทนต่อกันได้ และไม่รู้ว่าเราไปต่อที่เท่าไหร่ของเขาแล้ว มันเลยทำให้ตัวแทนเยอะมาก ทำให้การแข่งขันสูง แล้วยิง Ads ยากมาก ใช้ทุนก็สูง นึกตามผม ถ้ามีแบรนด์ที่ทำสินค้าเพิ่มน้ำหนักหลายๆแบรนด์ค่า Ads ก็จะแพงตาม แต่ถ้าเรามาขายสินค้าเพิ่มน้ำนม มีการแข่งขันกันน้อย  เราก็เลยได้ค่า Ads ถูก มันคุ้มค่าที่จะลงทุน ที่สำคัญสินค้า Jessie Mum ไม่ได้เป็นธุรกิจแชร์ลูกโซ่ เพราะแบรนด์มีกฎไม่ให้มีตัวแทนต่อกันได้ ก็คือเราขึ้นตรงกับบริษัท ขายได้ก็รับรายได้เต็มๆ”

บริษัทมีทีม Telesale ช่วยโทรขายให้เพิ่ม

การทำระบบตัวแทนจำหน่ายนั้น ตัวแทนอาจจะไม่ต้องสนใจเรื่อง การผลิต, การจัดเก็บ, การทำ Branding หรือการจัดส่ง  เพราะตัวแทนมีหน้าที่เพียงแค่หาลูกค้าและเพิ่มช่องทางการขายสินค้า ซึ่งแต่ละแบรนด์อาจแตกต่างกัน   โดยข้อดีของระบบตัวแทนจำหน่าย Jessie Mum จะมีทีมเทเลเซลล์คอยช่วยโทรซัพพอร์ตและอัพเซลล์ลูกค้าให้อีกรอบ เรื่องนี้ คุณมอส เล่าต่อว่า “อย่างผมขายได้ 1 กล่อง จะมีเจ้าหน้าที่เทเลเซลล์โทรหาลูกค้าอีกรอบหนึ่ง เผื่อเขามีปัญหาคาใจอะไร เขาจะเคลียร์ Mindset ให้เข้าใจ หรือเวลาเราตอบในแชทไม่เคลียร์ ลูกค้ายังมีข้อสงสัยอยู่ ทางเทเลเซลล์อาจจะไปเคลียร์ปัญหาตรงนั้นให้ได้ เขาสามารถไปให้ความรู้เพิ่มเติมกับลูกค้าได้  อย่างผมขายได้ 1 กล่อง อาจช่วยให้ได้ 3-4 กล่อง และรายได้ก็เป็นของเรา ขนาดผมทำยอดได้ 1 ล้านบาท ในยอดนี้แบ่งมาจากทีมเทเลเซลล์ 2 แสนบาทครับ ผมว่ามันดีกับตัวแทนมากๆ”

ไม่ต้องเสียเงินไปเรียนเพิ่ม ที่นี่สอนให้หมด

หลายคนมีความตั้งใจอยากขายของ อยากหารายได้ เพียงแต่อาจจะไม่มีความรู้ในการขายของออนไลน์มาก่อน หรือไม่เคยขายมาก่อน แบรนด์เลยจัดให้มีที่ปรึกษาแบบส่วนตัวและเปิดสอนการขายของออนไลน์ที่ครอบคลุมทุกอย่างที่ควรรู้ในการทำธุรกิจ โดยไม่ต้องเสียเงินไปหาคอร์สเรียนเอง คุณมอส เล่าต่อว่า บริษัทมีที่ปรึกษาส่วนตัวให้ เวลาเรามีปัญหาอะไร เราสามารถทักไปถามหรือโทรไปถามได้ทันที ตั้งแต่สร้างเพจ ทำคอนเทนต์ สั่งสินค้า มีแนะนำเรื่องการยิง Ads ด้วย ที่ปรึกษาแบรนด์เขาแนะนำได้ดีมาก ยิงประมาณไหน ยิ่งเท่าไหร่ ยิงไปที่ไหน ก็คือในเรื่องออนไลน์หากเราไม่รู้อะไรก็สอบถามได้ตลอดครับ

     “ผมลองคิดดูดีๆ ถ้ามานั่งทำเองทุกอย่าง จ้างกราฟฟิค คอนเทนต์ ทำคลิปวีดีโอ คงจะสู้ค่าใช้จ่ายไม่ไหว แล้วถ้าจ้างถูก คุณภาพงานไม่ผ่านอีก แต่ทางบริษัทมีทีมงานมืออาชีพคอยทำป้อนให้ฟรีๆ พร้อมอัพเดตให้เรื่อยๆ มีสื่อที่พร้อมให้เราใช้งานได้ทันที ที่สามารถเลือกไปใช้ได้เป็นพันๆ ชุด ช่วยให้ลูกค้าสนใจ เราขายง่ายขึ้น และยังมีระบบฝากส่งของให้อีก คือเราไม่ต้องแพ็คของเอง ลูกค้าสั่งออเดอร์มา เราไปลงในระบบตัวแทน ทางแบรนด์มีบริการไปส่งต่อให้ลูกค้าด้วย เป็นเหมือน Fulfillment ก็คือเราไม่ต้องเอาของมาสต๊อกที่บ้านเราแล้ว เราแค่เสียค่าใช้จ่ายค่าขนสั่งแค่นั้น  ช่วยประหยัดเวลาได้เยอะมาก เพราะบางทีเราก็ไม่มีเวลาส่งให้ลูกค้า”

หมดปัญหา! สินค้ายิงโฆษณาไม่ผ่าน

      ปัญหาที่พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์อีกหนึ่งอย่าง คือเวลาที่ยิงแอดเฟสบุ๊คแล้วเจอปัญหาในเรื่องของบัญชีติดเหลือง ติดแดง จนต้องโดนแบนปิดบัญชีแล้วไปเปิดใหม่ ซึ่งบางครั้งไม่สามารถแก้ไขได้ ทั้งๆ ที่แจ้งเจ้าหน้าที่เฟสบุ๊คแล้วก็ตาม เกี่ยวกับเรื่องนี้ “คุณมอส” เล่าต่อว่า เวลาที่ผมทำธุรกิจออนไลน์ ก็ต้องซื้อโฆษณาผ่านโซเชียลมีเดียอย่าง เฟสบุ๊ค แล้วมันถูกปิดง่าย ถูกแบน เวลาที่ผมยิงไปสัก 2-3 เดือน ในสินค้านั้นๆ แต่พอมาขาย Jessie Mum มา ผมไม่เคยโดนปิดเลยดีกว่าครับ ไม่เคยติดแดง ยิงได้ปกติเลย ผมว่ามันเกี่ยวที่สินค้ามากกว่า แล้วก็การทำคอนเทนต์ที่ดี สินค้าเราไม่ผิดกฎอะไร สินค้าถูกต้อง ไม่ได้โฆษณาเกินจริง เพราะสินค้ามีความต้องการจริงๆ แล้วคอนเทนต์เราไม่ได้ผิดกฎอะไรของเฟสบุ๊ค ยังไงเฟสบุ๊คก็ไม่มีทางแบรนด์เราครับ อยากให้ใครที่สนใจเป็นตัวแทน ไม่ต้องมากังวลปัญหาตรงนี้เลย

ตั้งเป้า! ทำยอดขาย 5 ล้าน ภายใน 2 ปี !!

      Jessie Mum เปิดโอกาสให้มาร่วมขายด้วยกัน มาสร้างอาชีพ มาสร้างรายได้  เพราะเรามีความพร้อมมาก ๆ ในการเทรนตัวแทนตั้งแต่เริ่มจากขายไม่เป็น จนขายได้ “คุณมอส” เล่าต่อช่วงท้ายว่า ใครที่อยากเข้ามาเป็นตัวแทนเหมือนกับผม โอกาสยังเปิดรอเสมอครับ เพราะตลาดน้ำนมแม่ยังขยายได้อีกเยอะ  คุณแม่ทุกคนอยากเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อยู่แล้ว เพราะประหยัดกว่านมผงมาก แล้วแบรนด์ยังเป็นสมุนไพร 100 เปอร์เซ็นต์  ถ้าคุณอยากสำเร็จกับแบรนด์ ก็ต้องหมั่นมาเติมความรู้ตลอดเวลา ตามคนที่สำเร็จ

“เป้าหมายของผมต่อจากนี้ ภายใน 2 ปี ผมต้องมีรายได้ต่อเดือน 5 ล้านบาทให้ได้ และจะพยายามพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ ส่วนใครที่เป็นพนักงานประจำอยากมีรายได้แบบผม อยากให้ลองเปิดใจมาทำครับ เราต้องกล้าที่จะทักเข้ามาถามข้อมูล วิธีการ ถ้ายังไม่กล้า เราก็จะยังอยู่กับที่เหมือนเดิม  ผมขอย้ำอีกครั้งนะครับ สินค้ามีการซื้อซ้ำเป็นจำนวนมาก และก็มีคู่แข่งน้อย  โอกาสยังเปิดกว้างสำหรับคนที่อยากพลิกชีวิตตัวเองครับ”

Jessie Mum หนึ่งเดียวที่แคร์ดูแลจนคุณแม่ทำสต๊อกได้


ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *