เพราะความสุขสามารถส่งต่อถึงกันได้ แนวคิดพลังบวกของ CEO แบรนด์ Jessie Mum “ปาล์มวดี ผดุงศิริกุลชัย”

“เพราะความสุขสามารถส่งต่อถึงกันได้”

แนวคิดพลังบวกของ CEO แห่ง Jessie Mum

เมื่อพูดถึงนักธุรกิจหญิงแกร่งต้องบอกเลยว่าต้องมีชื่อผู้หญิงคนนี้ “ปาล์มวดี ผดุงศิริกุลชัย” ซีอีโอสาวแห่งบริษัท เจสซี่ มัม จำกัด ที่เส้นทางสู่ความสำเร็จที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ  กว่าที่เธอจะมายืนในจุดนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย!!

นักธุรกิจสาวที่ดำเนินธุรกิจภายใต้แนวความคิด “ความสุขที่สามารถส่งต่อถึงกันได้” ความเก่งของคุณปาล์มที่มีบทบาทในการช่วยบริหารธุรกิจ Jessie Mum ให้ประสบความสำเร็จอย่างมากในปัจจุบัน

“ลูกค้าคือศูนย์กลางทุกอย่างเลยค่ะ เราจะรับฟังปัญหาทุกอย่างเพื่อเอามาวิเคราะห์ และก็เอามาปรับปรุง ปาล์มเชื่อมั่นในสิ่งที่เรียกว่าความสุขสามารถส่งต่อกันได้”

เส้นทางชีวิต

ในช่วงวัยเด็กของเธอเกือบจะไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสือ เพราะคุณพ่อคุณแม่ได้แยกทางกัน นั่นอาจทำให้เป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เธอเป็นผู้ที่มีความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างจริงใจต่อลูกค้า คือการใส่ใจในทุกรายละเอียด

“เส้นทางในช่วงวัยเด็กของปาล์มค่อนข้างที่จะขรุขระนิดนึง เพราะว่าคุณพ่อกับคุณแม่เลิกกัน คุณพ่อก็พาปาล์มมาอยู่กับอาม่าตั้งแต่ 2 ขวบเลยค่ะ ที่บ้านของอาม่าจะทำเกี่ยวกับค้าขายทั่วไป ทำให้เราคุ้นชินการค้าขายมาตั้งแต่เด็ก พอเราโตขึ้นมาก็รู้สึกว่าสนุกกับมัน จนได้มาเป็นฟรีแลนซ์ของบริษัท Magic Wand และด้วยงานนี้เราชอบมาก เราก็ไปพูดกับหัวหน้าตรงๆ เลยค่ะ ขอเป็นพนักงานประจำได้ไหมคะ อยากทำมากๆ และจะตั้งใจทำงานให้ดีด้วย หัวหน้าเราก็รู้สึกว่าเราตั้งใจจริงๆ และก็เห็นความพยายามที่เราทำมาก่อนหน้านั้น เขาก็โอเคตกลงรับเราเป็นพนักงานประจำ”

จุดเริ่มต้นของ Jessie Mum

เกิดจากความตั้งใจที่เธออยากจะผลิตสินค้า Jessie Mum ขึ้นมา  เพราะต้องการให้คุณแม่หลายๆ คน ที่มีปัญหาน้ำนมน้อย ตกรอบปั๊มบ่อย ปั๊มไม่เกลี้ยงเต้า ทำให้เกิดมีน้ำนมไม่พอให้ลูกกินไม่หมดหวัง

 “ที่สุดท้ายที่เราทำงานก็คือที่ ปตท.สผ.ค่ะ ทำเสื้อยืดขาย เอาผ้ามาฝึกสกรีนเอง ตอนนั้นเราทำงานทั้งสองอย่าง และรู้สึกว่าพอควบคู่ไปแล้ว มันกลับออกมาไม่ดีเลยสักอย่าง ดังนั้น เราจึงเลือกที่จะออกมาจาก ปตท.ค่ะ  เพื่อมาเปิดร้านทำเสื้อ พอทำไปสักพัก ร้านเสื้อมันอาจจะเล็กเกินไป เราเลยอยากมองหาอะไรที่มันดีกว่านั้น จากแพชชั่นของการออกกำลังกายของเรา เราก็เลยเริ่มลองทำ Whey ดู เป็นแบบซองค่ะ แต่ด้วยประสบการณ์น้อย การเริ่มธุรกิจแรกๆ เราตั้งต้นทุนไว้สูงเกินไป สุดท้ายเราขายดีก็จริง แต่เราไม่มีกำไรเหลืออยู่ เราอยากขายเป็นกลุ่มคนที่เป็นเฉพาะทาง เราก็เลยมองหาสินค้าที่เป็นแม่และเด็ก แล้วก็ได้มาเจอตัว เจสซี่ มัม ค่ะ มันมีประโยชน์เพราะแม่ที่มีลูกน้อยต้องการน้ำนม และนี่ก็เลยมาเป็นจุดเริ่มต้นของการขาย Jessie Mum”

สิ่งที่ท้าทายที่สุด

จากความรู้สึกที่เธอขาดแม่ตั้งแต่เด็ก ความรู้สึกที่ขาดนี้ มันเป็นพลังใจที่เธอได้เอาไปไว้ที่ Jessie Mum  เพราะเธออยากทำให้ เจสซี่ มัม เป็นสิ่งที่เติมเต็มสำหรับแม่และลูก เธอเชื่อว่า ครอบครัวที่สมบูรณ์ได้ควรมีการผูกพันตั้งแต่เล็ก  แต่อุปสรรคใหญ่ระหว่างทางนั้น คือเธอยังไม่มีลูกเลย แต่อยากทำแบรนด์นี้ขึ้นมา

“ปาล์มขายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่เป็นตัวช่วยเสริมน้ำนมคุณแม่หลังคลอดค่ะ โดยที่ปาล์มก็ยังไม่เคยมีลูกเลย นั่นทำให้โจทย์ของเราจะต้องเข้าใจลูกค้า ในช่วงแรกปาล์มเป็นคนโทรหาลูกค้าทุกคนด้วยตัวเองเลยค่ะ เพื่อพูดคุยปัญหาต่างๆ ของเขานะคะ เราต้องการให้คุณแม่คนนี้มีน้ำนมเพิ่มขึ้นให้ได้ เราอยากขายผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเติมเต็มสำหรับคุณแม่และลูกของเขาจริงๆ และเราคิดว่า การที่เด็กคนหนึ่งเติบโตโดยที่ไม่ได้มีโอกาสกินน้ำนมแม่เลย มันจะส่งผลเสียต่อเด็กอย่างไร เพราะแม่บางคนก็ไม่มีน้ำนมออกมาให้ลูกกินจริงๆ”

Jessie Mum แตกต่างจากแบรนด์อื่นอย่างไร

สำหรับอีกหนึ่งแรงขับเคลื่อนสำคัญขององค์กรที่สร้างความโดดเด่นไม่เหมือนแบรนด์อื่นๆ ก็คือ เจสซี่ มัม มีบริการหลังการขายที่ดีเยี่ยม มีทีมงานคอยโทรดูแลแนะนำวิธีทานผลิตภัณฑ์เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สุด รวมถึงวิธีการปฎิบัติตัวและวิธีการเพิ่มน้ำนมให้คุณแม่

“ต้องบอกก่อนว่าในยุคที่เริ่มทำ คนยังนิยมทานสมุนไพรต้มกันอยู่เลย มันทำให้คุณแม่หลายๆ คนที่ต้องทานสิ่งนี้ แล้วเขารู้สึกว่าเขาไม่ชอบ เราก็เลยเริ่มทำเป็นแคปซูล เราเป็นเจ้าแรกๆ ที่บุกเบิกในการทำเป็นแบบแคปซูลค่ะ แล้วเราก็มีกลุ่มที่ปรึกษาสำหรับคุณแม่ที่สามารถเข้ากลุ่มนี้มาปรึกษาในเรื่องของปัญหาน้ำนม และ เจสซี่ มัม ยังมีเจ้าหน้าที่โทรไปสอบถามอาการของคุณแม่หลัจากทาน Jessie Mum แล้วเป็นยังไง น้ำนมมาดีขึ้นไหม มีการปฎิบัติตัวในการเลี้ยงลูกถูกวิธีไหม เพราะเราให้ความสำคัญกับเรื่องตรงนี้จริงๆ ทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็เพื่อที่จะให้คุณแม่มีน้ำนมให้กับลูกน้อยค่ะ”

“เรายังมีการเก็บสถิติลูกค้าที่ทาน Jessie Mum จากจำนวนทั้งหมด 1,177 คน มีกลุ่มลูกค้าที่ทานแล้วเห็นผลอยู่ที่ 89.98 เปอร์เซ็นต์ เราดีใจมากๆ เลยนะคะ ที่เปอร์เซ็นต์ที่ได้ผลจริงค่อนข้างสูง ส่วนนึงเรามองว่า เราไม่ได้ขายแค่อาหารเสริม แต่เราให้คำแนะนำลูกค้า และทำให้ลูกค้าสามารถทานแล้วได้เห็นผลที่ดีจริง”

แนวคิดในการดำเนินธุรกิจ ในฐานะผู้บริหารรุ่นใหม่

กว่าจะมาเป็นผลิตภัณฑ์ที่ต่างให้การยอมรับในตลาดคุณแม่ลูกอ่อนจนประสบความสำเร็จนั้น คงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย ต้องแลกมาด้วยช่วงเวลาที่ลองผิดลองถูกและทำงานอย่างหนัก แต่ท้ายที่สุดเมื่อฝ่าฟันอุปสรรคนั้นมาแล้ว เรื่องราวเหล่านั้นกลับเป็นจุดสำคัญของชีวิตที่หล่อหลอมให้แบรนด์เติบโตในวันนี้

“ปาล์มคิดว่าในฐานะที่เราเป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่ เราจะรับฟังปัญหาเพื่อเอามาวิเคราะห์ และก็เอามาปรับปรุงและพัฒนาให้ธุรกิจของเราเติบโตมากยิ่งขึ้น เพราะรู้สึกว่า สิ่งที่เราต้องฟังคือเสียงของลูกค้า นั่นคือความใส่ใจในทุกรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องวางแผนการตลาด การใส่ใจลูกค้าอย่างจริงใจ การดูแลตัวแทนจำหน่ายอย่างใกล้ชิด สิ่งเหล่านี้ถือเป็นรากฐานสำคัญที่ทำให้แบรนด์เติบโตได้อย่างมั่นคง”

พนักงาน

ทุกวันนี้คุณปาล์มยังคงมีแพชชั่นที่จะบริหารจัดการดูแลพนักงานในแผนกต่างๆ อย่างใกล้ชิด และใส่ใจทุกรายละเอียด เพื่อที่จะช่วยสนับสนุนและแก้ไขปัญหาให้พนักงานทุกคน สิ่งนี้แหละที่เรียกว่า ความสุขของเธอ คือการที่เธอได้ช่วยดูแลพนักงานของเธอเอง เพื่อที่ทุกๆ คนจะมีหัวใจที่รักบริษัทและอยากจะเติบโตไปพร้อมกัน

 “ในพาร์ตของพนักงาน ปาล์มเข้าใจในพาร์ตนี้เป็นอย่างดี เพราะเราเคยเป็นพนักงานประจำมาก่อน อะไรที่เราปรับปรุงแล้วทำให้พนักงานเรามีความสุขได้ เราทำค่ะ เราซัพพอร์ตพนักงานเราเต็มที่เลยนะคะ ในความสุขนี้ ปาล์มคิดว่ามันจะส่งต่อไปหาลูกค้าของเราค่ะ พอพนักงานเรามีความสุข อย่างเวลาที่พนักงานเราได้พูดคุยกับคุณแม่ที่มาปรึกษา เขาจะทำด้วยความเต็มใจ เราเชื่อว่า พอคุณแม่ได้รับคำแนะนำที่ดี เขาก็จะมีความสุขส่งต่อไปหาลูกของเขาอีกทีนึง ที่เรียกว่าความสุขสามารถส่งต่อกันได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุดค่ะ”

อนาคตกับเป้าหมายที่ตั้งไว้

ปัจจุบัน Jessie Mum กำลังก้าวเข้าสู่ปีที่ 6 ยังคงเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อมอบสิ่งดีๆ ให้แก่คุณแม่หลังคลอดทุกๆ คน  บริษัทได้มีการวางแผนการดำเนินธุรกิจให้ตอบโจทย์ตลาดกลุ่มแม่และเด็ก เพื่อให้เติบโตขึ้นทุกๆ ปี ด้วยการปรับกลยุทธ์การตลาดแบบยืดหยุ่นตลอดเวลาทั้งในด้านออนไลน์และออฟไลน์

 “ปาล์มอยากให้เด็กไทยเติบโตด้วยน้ำนมแม่นะคะ เพราะตอนที่เราจะได้อยู่ในอ้อมกอดแม่เป็นช่วงเวลาที่สั้นมากๆ เลย และเป็นช่วงเวลาที่อบอุ่นที่แม่กับลูกจะใช้เวลาร่วมกัน ปาล์มคิดว่าช่วงเวลาที่ให้น้ำนมเป็นช่วงเวลาที่เป็นความสุขของคุณแม่ทุกคน ปาล์มอยากให้เก็บรักษาช่วงเวลานี้เอาไว้ค่ะ เพราะเด็กคือความหวังของพ่อแม่ คนเป็นแม่จะทุ่มเทดูแลตัวเองเพื่อสร้างสายเลือดให้เติบโตแข็งแรง และในตลาดน้ำนมแม่ จึงเป็นเป้าหมายให้เราสามารถที่จะคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อให้คุณแม่ใช้ผลิตภัณฑ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด และแก้ปัญหาในเรื่องของน้ำนมน้อยได้อย่างง่ายดาย”