การรักษาสุขภาพของคุณแม่ตั้งครรภ์ก่อนมี Sex

การรักษาสุขภาพของคุณแม่ตั้งครรภ์ก่อนมี Sex

การตั้งครรภ์เป็นช่วงเวลาที่สำคัญและต้องให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพของคุณแม่และทารก
ในครรภ์ การรักษาสุขภาพเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการเตรียมตัวก่อนการมีเพศสัมพันธ์เพื่อป้องกันความเสี่ยงและอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการตั้งครรภ์


การรักษาสุขภาพก่อนการมีเพศสัมพันธ์ในช่วงครรภ์มีประโยชน์มากเพราะสามารถป้องกันการติดเชื้อและโรคที่อาจส่งผลกระทบต่อการตั้งครรภ์และทารกในครรภ์ได้ ดังนั้น คุณแม่ควรปฏิบัติตามคำแนะนำดังต่อไปนี้เพื่อรักษาสุขภาพของคุณแม่และทารกในครรภ์ก่อนมีเพศสัมพันธ์

1.ปรึกษาแพทย์ก่อนมีเพศสัมพันธ์

การปรึกษาแพทย์เป็นสิ่งสำคัญในการเตรียมตัวก่อนการมีเพศสัมพันธ์ คุณแม่ควรพูดคุยกับแพทย์ของคุณ
เพื่อขอคำปรึกษาเกี่ยวกับการรักษาสุขภาพของคุณแม่และทารกในครรภ์ แพทย์ของคุณสามารถแนะนำวิธีการป้องกันการติดเชื้อหรือโรคที่อาจส่งผลกระทบต่อการตั้งครรภ์ได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม

2.ดูแลสุขภาพอย่างเหมาะสม

การดูแลสุขภาพอย่างเหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยเสริมสร้างร่างกายและระบบภูมิคุ้มกันของคุณแม่
ให้แข็งแรงก่อนการมีเพศสัมพันธ์ คุณแม่ควรดูแลสุขภาพโดยการรับประทานอาหารที่มีสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายและทารกในครรภ์ เช่นผัก ผลไม้ และอาหารที่มีโปรตีนสูง เพื่อช่วยเสริมสร้างเนื้อเยื่อของทารกและร่างกายของคุณแม่

3.รับประทานวิตามินและเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน

การรับประทานวิตามินและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันสามารถช่วยป้องกันการติดเชื้อและโรคที่อาจส่งผลกระทบต่อการตั้งครรภ์ได้ คุณแม่ควรรับประทานวิตามินและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตามคำแนะนำของแพทย์หรือดูแล
ตามคำแนะนำในเว็บไซต์ที่เชื่อถือได้ เช่นการรับประทานอาหารที่มีวิตามินซี ดื่มน้ำมะนาว รับประทานเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน เป็นต้น

4.รับการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ

การรับการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งที่สำคัญในการเตรียมตัวก่อนการมีเพศสัมพันธ์ คุณแม่ควรรับการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยหนึ่งครั้งก่อนการตั้งครรภ์เพื่อตรวจสุขภาพทั่วไปและตรวจความเสี่ยงของโรคต่างๆ เช่น ภาวะเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ เป็นต้น การตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอช่วยให้คุณแม่มั่นใจได้ว่าร่างกายและสุขภาพของเธอแข็งแรงพร้อมสำหรับการมีเพศสัมพันธ์

5.ลดความเครียดก่อนการมีเพศสัมพันธ์

การมีเพศสัมพันธ์ในช่วงครรภ์อาจทำให้คุณแม่รู้สึกเครียดและไม่สบายใจ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความสมบูรณ์
ของการมีเพศสัมพันธ์ได้ คุณแม่ควรพยายามลดความเครียดและประคบประหารก่อนการมีเพศสัมพันธ์ โดยเช่น
การทำโยคะ การฝึกโฟกัสตัวเอง การพูดคุยกับคู่ของคุณแม่ เป็นต้น

6.อย่าลืมใช้วิธีการป้องกันการตั้งครรภ์

การมีเพศสัมพันธ์ในช่วงครรภ์อาจมีความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์เพิ่มขึ้น คุณแม่ควรใช้วิธีการป้องกันการตั้งครรภ์ เช่น
การใช้ถุงยาง การใช้เครื่องหมายเลือกเพศ หรือการใช้วิธีการคุมกำเนิดอื่นๆ ตามคำแนะนำของแพทย์

7.หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีไม่จำเป็น

คุณแม่ควรหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีไม่จำเป็น ทั้งในอาหาร ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง และสารทำความสะอาด เพราะสารเคมีเหล่านี้อาจมีผลกระทบต่อร่างกายของคุณแม่และทารกในครรภ์ได้ คุณแม่ควรเลือกใช้สารธรรมชาติหรือผลิตภัณฑ์อินทรีย์ที่ปลอดภัยแทน

8.พูดคุยกับแพทย์หากมีอาการไม่สบายหรือปัญหาสุขภาพ

คุณแม่ควรพูดคุยกับแพทย์หากมีอาการไม่สบายหรือปัญหาสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นอาการเจ็บหน้าอก แน่นท้อง หรืออาการผิดปกติทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ เพราะการตรวจสุขภาพและรักษาอาการให้เหมาะสมสามารถช่วยลดความเสี่ยง
ต่อการมีเพศสัมพันธ์ในช่วงครรภ์ได้

9.รับรู้ถึงอาการและปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการมีเพศสัมพันธ์ในช่วงครรภ์

คุณแม่ควรรับรู้ถึงอาการและปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการมีเพศสัมพันธ์ในช่วงครรภ์ เช่น อาการเจ็บบั้นท้าย อาการเลือดออก หรือการมีน้ำเย็นไหลลง คุณแม่ควรแจ้งแพทย์หากพบอาการหรือปัญหาเหล่านี้เพื่อรับการดูแลและรักษาอย่างเหมาะสม

10.อย่าลืมการตรวจสุขภาพก่อนและหลัง                                                                                        

การตรวจสุขภาพก่อนและหลังการมีเพศสัมพันธ์เป็นสิ่งที่คุณแม่ควรไม่ละเลย การตรวจสุขภาพก่อนการมีเพศสัมพันธ์สามารถช่วยตรวจสอบสุขภาพของคุณแม่และทารกในครรภ์ได้ และการตรวจสุขภาพหลังการมีเพศสัมพันธ์สามารถช่วยตรวจสอบว่าคุณแม่หรือทารกในครรภ์มีภาวะแทรกซ้อนหรือปัญหาสุขภาพใดๆ หลังการมีเพศสัมพันธ์หรือไม่


การรักษาสุขภาพของคุณแม่ตั้งครรภ์ก่อนการมีเพศสัมพันธ์สำคัญมากเพื่อป้องกันความเสี่ยงต่อการติดเชื้อและภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ คุณแม่ควรรับรู้ถึงการดูแลสุขภาพที่เหมาะสมในช่วงครรภ์และเตรียมตัวให้พร้อมก่อนการมีเพศสัมพันธ์ด้วยการปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเพื่อขอคำแนะนำและคำปรึกษาเพิ่มเติม

Reference

1.”The impact of exercise during pregnancy on maternal outcomes: practical implications (2017)https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3586836/

2.”Sexual behavior during pregnancy and after childbirth: A metacontent analysis” (2020) – https://journals.lww.com/mcnjournal/Abstract/2020/09000/Sexual_Behavior_During_Pregnancy_and_After.

3.”Association between maternal caffeine consumption during pregnancy and low birth weight: a meta-analysis” (2017) – https://bmcpregnancychildbirth.biomedcentral.com/articles/10.1186/s12884-017-1350-

4.”The effectiveness of antenatal perineal massage in reducing perineal trauma and postpartum morbidity: A systematic review and meta-analysis” (2018) – https://www.sciencedirect.com/science/article/pii/S0266613817311022

5.”Maternal prenatal stress and child cognitive and psychological development: A systematic review and meta-analysis” (2021) – https://www.sciencedirect.com/science/article/pii/S0149763421000557