ย้อนกลับไปในยุคโควิด ขณะนั้นเศรษฐกิจแบบนี้ ถ้าฉันเรียนจบ จะปรับตัวอย่างไรให้อยู่รอด ถ้าคิดอยากมีรายได้หลักแสนต่อเดือน จะหาอาชีพอะไรได้ล่ะ แต่ฉันก็เชื่อว่าทุกวิกฤตมักมีโอกาสเสมอ มันสำคัญอยู่ที่ Mindset ถ้า Mindset เราดีก็มีโอกาสประสบความสำเร็จได้ เพราะการมีรายได้หลักแสนต่อเดือน เหมือนกับดิฉันไม่ได้ยากเกินเอื้อมค่ะ ถ้าอยากรู้ฉันจะมาแบ่งปันให้ฟังค่ะ
ก่อนอื่น ขอแนะนำตัวเอง ชื่อ “น้องนุ่น”อารียา ธนศิริวานิชย์ อายุ 25 ปี เป็นเด็กจบใหม่ จากสาขาสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ได้เกียรตินิยมอันดับ 2 ด้วยนะ และที่ตัดสินใจเลือกอาชีพ “แม่ค้าออนไลน์” เพราะส่วนตัวชอบขายของออนไลน์อยู่แล้ว มันเปิดร้านง่ายไม่จำเป็นต้องมีหน้าร้าน ขายผ่านแพลตฟอร์ม E-Marketplace ก็สะดวกไม่ยุ่งยาก ทั้งผ่านโลกโซเชียล เช่น เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ไลน์ และเว็บไซต์ก็มีมากมาย

ตอนที่นุ่นเจอแบรนด์ Jessie Mum ช่วงแรกๆ คิดว่าเป็นขายตรงด้วยซ้ำ แค่เห็นคำว่า “ตัวแทน” หลายๆ คนก็น่าจะคิดแบบนั้น ตีความไปก่อน แต่ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุด แบรนด์ที่เขาทำการตลาดออกมา สามารถซัพพอร์ตได้จริงไหม ขายได้จริงไหม แต่รวมๆ นุ่นก็ค่อนข้างจะพอใจกับแบรนด์ค่ะ สินค้าดีจริงนะ กล้าพูดเลยว่า ตลอดการขาย 1 ปีที่ผ่านมา เจอวิกฤตแบบไหนก็ขายได้ เพราะทุกวันนี้นุ่นมีรายได้เข้ากระเป๋าเดือนละ 6 แสนกว่าบาท
Jessie Mum เป็นอาหารเสริมเพิ่มน้ำนมคุณแม่หลังคลอด ได้ทั้งมาตรฐาน อย. และ ฮาลาล ผ่านการตรวจ GPM ตามกฎหมายเรียบร้อย แบรนด์ยังมีความแตกต่างจากที่อื่นๆ ส่วนใหญ่ที่นุ่นเจอมาเป็นแบรนด์ที่รับตัวแทนต่อจากตัวเองได้ แต่ Jessie Mum ไม่สามารถรับตัวแทนต่อเองได้เลย ทุกคนจะต้องติดบริษัท เพราะระบบที่นี่ ถึงแม้ตัวเองไม่สามารถรับตัวแทนต่อเองได้ แต่ก็สามารถมีรายได้ขายปลีกที่สูงได้ และปกติเวลามีตัวแทนมาต่อเรา ก็ต้องดูแลเขาด้วย แต่ของ Jessie Mum ทุกคนต่อจากบริษัท และบริษัทก็จะมีโค้ชเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวให้ เวลามีข้อสงสัยก็ถามได้ตลอด รอไม่เกิน 1 นาที เดี๋ยวก็ตอบกลับมาแล้ว

ความที่แบรนด์เป็นสินค้าเฉพาะกลุ่ม เวลาที่นุ่นทำการตลาดออกไป เพื่อโปรโมทเพจของเรา มันจะง่ายขึ้น เพราะเราไม่จำเป็นต้องไปแย่งกลุ่มเป้าหมายกับคนอื่นเลย ถึงจะอยู่ในวิกฤตเศรษฐกิจแบบนี้ แต่กลับมีการค้าขายออนไลน์มากขึ้น คนที่เคยทำออฟไลน์มาก่อน ก็จะหันมาขายของออนไลน์กันมากขึ้น
ถ้าใครขายไม่เป็น ไม่ต้องกังวลค่ะ นุ่นบอกเลยว่าที่นี่สอนให้หมด เพราะแบรนด์ซัพพอร์ตให้ทุกอย่าง มีที่ปรึกษาธุรกิจให้ฟรี ถ้าบริษัทโทรขายให้ กำไรก็เป็นของเราค่ะ ยังมีสื่อการขายกว่าพันชิ้นเตรียมไว้ให้ด้วยนะ ทั้งรูปภาพ แชทบอท และคลิปวิดีโอที่ตัวแทนสามารถนำไปใช้สำหรับขายได้ พร้อมทั้งแพทเทิร์นในการขาย และบริการหลังการขาย ยังแถมฟรีคอร์สสอนขายมาให้อีก เรียกว่าดูแลกันเต็มที่มาก

สำหรับการลงทุนแค่เปิดบิลขั้นต่ำ 50 กล่องเท่านั้น แรกๆ นุ่นก็คิดว่าเปิดบิลมันค่อนข้างราคาสูงนะ แต่ว่าเรามั่นใจในแบรนด์ไง เพราะได้ศึกษาการตลาดมาอย่างดีแล้ว ทำให้มั่นใจที่จะกล้าเปิดบิลค่ะ อีกอย่างตอนเริ่มขายใหม่ๆ นุ่นไม่รู้อะไรเลย ไม่ได้มีลูกด้วย เข้าเต้าคืออะไร ปั๊มคืออะไร ตกรอบคืออะไร แต่ที่นี่มีสคริปต์ให้ค่ะ ว่าเราควรจะเริ่มด้วยคำถามแบบนี้ ควรจะตอบแบบนี้ คุณแม่ส่วนใหญ่ที่มีปัญหาอย่างนี้ ต้องแก้ไขยังไง คือเป็นสคริปต์ที่เราสามารถลอกเลียนแบบกันได้เลย
บริษัทยังสนับสนุนให้เรามียอดขายต่อบิลที่มากขึ้นด้วย บริษัทมีเทเลเซลล์ช่วยโทรปิดการขาย หรือ Follow ลูกค้าเดิมของเรา และมันดีที่ยอดก็เป็นของเรา เช่น คนแรกอาจจะซื้อแค่ชุดทดลอง 180 บาท พอส่งให้เทเลเซลล์บริษัท สามารถอัพขายได้ถึง 2,000 กว่าบาท จากคนที่ยอมซื้อครั้งแรกแค่ 180 บาท เพราะเขาไม่มั่นใจในสินค้า แค่อยากลองเฉยๆ นี่ถือเป็นการซัพพอร์ตที่ดีของแบรนด์มากๆ ค่ะ

นุ่นคิดว่าขายของออนไลน์ ไม่จำเป็นต้องเป็นคนเก่งนะ ถึงคุณไม่เก่งก็มาขายได้ สำเร็จได้จริง เพราะนุ่นก็ไม่ได้มีความรู้มาตั้งแต่ต้น แค่อยากลองและอยากทำ พอทำก็เจอปัญหา แต่ก็ค่อยๆ ทำ แก้ไปจนรู้ปัญหา นุ่นคิดว่าการเรียนรู้สำคัญที่สุด มันต้องเรียนรู้และแก้ปัญหาไปเรื่อยๆ มันก็จะสำเร็จได้เอง และก็อย่าท้อกลางคันเด็ดขาด
ตอนนี้นุ่นขาย Jessie Mum มา 1 ปีกว่าๆ มีรายได้ 6 แสนบาทต่อเดือน ทำให้รู้สึกว่าชีวิตมีความสุขและสนุกกับการขาย คือได้ช่วยเหลือคุณแม่ที่มีปัญหาได้มีน้ำนมเลี้ยงลูก รู้สึกเป็นความท้าทายของตัวเอง ได้แก้ปัญหาจริงๆ เพราะเวลาที่เราขายไม่ได้ ก็จะหาสาเหตุว่า ทำไมเราขายไม่ได้ แต่คนอื่นขายได้ เราก็จะไปไล่เช็ค ไปเรียนรู้ให้เข้าใจ เพื่อปรับปรุงให้ดีขึ้น เราก็จะเก่งขึ้นเอง

ข้อดีของแบรนด์ Jessie Mum ที่นุ่นมั่นใจมาก คือเป็นแบรนด์มีความมั่นคงค่ะ ที่มีชื่อเสียงในบรรดากลุ่มอาหารเสริมเพิ่มน้ำนม นั่นยิ่งทำให้โอกาสในการขายมีมากขึ้น และเป็นสินค้ากลุ่มความต้องการ จึงทั้งขายง่ายและใช้ทีมงานน้อย รวมถึงผู้บริหารจริงใจและมีวิสัยทัศน์ที่สูงมากค่ะ
ทำให้เป้าหมายต่อจากนี้ นุ่นจะพยายามก้าวขึ้นไปมีรายได้ 1 ล้านบาทต่อเดือนให้ได้ อย่างน้อยๆ ใช้เวลาอีก 6 เดือนนับจากนี้ หรืออย่างช้าก็ไม่เกิน 1 ปีต่อจากนี้ค่ะ
นุ่นเชื่อเสมอว่า ไม่มีความสำเร็จ โดยปราศจากการเริ่มต้นค่ะ หากเราลงมือทำตามทุกสเต็ปและเรียนรู้จริงๆ จากแบรนด์อย่างตั้งใจ ยังไงก็ขายได้ เพราะว่าสินค้ามีคุณภาพสูง เป็นแบรนด์อันดับหนึ่งที่มีตลาดแข่งขันต่ำ สินค้าก็จำเป็น ไม่ว่าจะมองมุมไหน ลูกค้าก็กลับมาซื้อซ้ำอยู่ดีค่ะ