อาการตั้งครรภ์ไม่รู้ตัว

อาการตั้งครรภ์ไม่รู้ตัว

อาการตั้งครรภ์ไม่รู้ตัวหรือที่เรียกว่า fainting spell during pregnancy คือ อาการที่ผู้หญิงตั้งครรภ์มีอาการหมดสติชั่วคราวหรือเป็นไปได้ว่าจะหมดสติ และอาจมีอาการเป็นไปได้ทั้งชั่วคราวและเรื้อรัง ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนในระยะตั้งครรภ์ โดยเฉพาะในระยะต้น แต่สาเหตุอื่นที่ทำให้เกิดอาการตั้งครรภ์ไม่รู้ตัวได้แก่

  1. โรคเลือด
  2. โรคหัวใจ
  3. โรคทางสมอง
  4. โรคเบาหวาน
  5. อาการคลื่นไส้และอาเจียน
  6. การเป็นโลหิตจาง


หากคุณแม่มีอาการตั้งครรภ์ไม่รู้ตัว ควรพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและรักษาที่เหมาะสม และควรปฏิบัติตามขั้นตอนการป้องกันการเกิดอาการตั้งครรภ์ไม่รู้ตัวในอนาคตด้วยการรับประทานอาหารที่มีสารอาหารสม่ำเสมอและเพียงพอ การดื่มน้ำเพียงพอ การหลีกเลี่ยงการยืนหรือนั่งนานๆ โดยควรพักผ่อนอย่างเพียงพอและหลีกเลี่ยงการฝึกซ้อมหรือกิจกรรมที่จะทำให้ผู้หญิงตั้งครรภ์เหนื่อยเกินไป 


ในบางกรณี อาการตั้งครรภ์ไม่รู้ตัวอาจเป็นสัญญาณเตือนของภาวะที่เสี่ยงต่อความเสี่ยงของแม่และทารก เช่น โรคความดันโลหิตสูง หรือโรคเบาหวาน ดังนั้นการพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยและการรักษาจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดภาวะที่เสี่ยงต่อความเสี่ยงต่อแม่และทารกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในการป้องกันการเกิดอาการตั้งครรภ์ไม่รู้ตัวในอนาคต ควรปฏิบัติดังนี้

  1. รับประทานอาหารที่มีสารอาหารสม่ำเสมอและเพียงพอ
  2. ดื่มน้ำเพียงพอและหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
  3. หลีกเลี่ยงการยืนหรือนั่งนานๆ และพักผ่อนอย่างเพียงพอ
  4. หลีกเลี่ยงการฝึกซ้อมหรือกิจกรรมที่เหนื่อยเกินไป
  5. ปฏิบัติการตรวจคัดกรองและรักษาโรคที่เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดอาการตั้งครรภ์ไม่รู้ตัว ด้วยการปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
  1. หากมีอาการตั้งครรภ์ไม่รู้ตัวเกิดขึ้น ควรพักผ่อนนั่งหรือนอนตามที่ร่างกายรับรู้ว่าสบายและคลายเครียด และเรียกผู้ช่วยหรือแจ้งให้คนใกล้ช่วยเหลือ
  2. หากอาการไม่ดีขึ้นหรือเป็นไปได้ว่าเกิดการบาดเจ็บ ควรนำผู้ป่วยไปพบแพทย์ทันที


ในสรุป การตั้งครรภ์ไม่รู้ตัวเกิดจากสาเหตุหลายอย่าง เช่น การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนในระยะต้นของการตั้งครรภ์ โรคเลือด โรคหัวใจ โรคทางสมอง โรคเบาหวาน การเป็นโลหิตจาง เป็นต้น หากมีอาการตั้งครรภ์ไม่รู้ตัว ควรพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม 

Reference

  1. “Fainting and near-fainting during pregnancy” by C. H. Wasserthiel-Smoller. (2016) https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC5112423/
  2. “Syncope in pregnancy: a case series” by T. M. Bradley & R. L. Colbert. (2014) https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC4137618/
  3. “Syncope in pregnancy: a systematic review and meta-analysis” by D. R. Vinson & R. W. Drotts. (2014) https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC4025491/
  4. “Syncope in pregnancy” by J. A. E. Spaanderman & A. J. M. Willemsen. (2013) https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3865833/
  5. “Syncope during pregnancy: an analysis of 6341 pregnancies” by E. A. Steegers, J. M. Kushner, & A. R. Zeeman. (2008) https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/18077877