ลูกน้อยในท้องดิ้น อันตรายไหม

ลูกน้อยในท้องดิ้น อันตรายไหม

การดิ้นของทารกในครรภ์เป็นสิ่งที่สำคัญและเป็นตัวบอกว่าทารกกำลังพัฒนาและมีสุขภาพดีอยู่ภายในครรภ์ การดิ้นของทารกแสดงว่าระบบประสาทและกล้ามเนื้อของทารกพัฒนาอย่างปกติ นอกจากนี้การดิ้นยังช่วยให้คุณแม่รู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวของทารกและเชื่อมั่นว่าทารกยังมีชีวิตอยู่ภายในครรภ์


การดิ้นของทารกในครรภ์มักเป็นเรื่องปกติและควรเกิดขึ้นทุกวัน แต่จำนวนการดิ้นของทารกจะแตกต่างกันไปตามช่วงเวลาของการตั้งครรภ์ ในช่วงแรกของการตั้งครรภ์ การดิ้นของทารกอาจไม่ชัดเจนเพราะทารกยังเล็กและอยู่ในช่องคลอด ในช่วงท้ายของการตั้งครรภ์ การดิ้นของทารกจะเริ่มแรงขึ้นเนื่องจากทารกมีขนาดใหญ่ขึ้นและมีพื้นที่ในช่องคลอดน้อยลง


แต่หากคุณแม่รู้สึกว่าการดิ้นของทารกลดลงหรือไม่มีการดิ้นเลย หรือการดิ้นมีความแตกต่างจากปกติ เช่น การดิ้นมากขึ้นหรือน้อยลง ควรแจ้งแพทย์ทันที เพื่อให้ได้รับการตรวจสุขภาพของทารกในครรภ์ และตรวจหาสาเหตุของการดิ้นของทารกไม่เป็นปกติได้เร็วที่สุด


นอกจากนี้ยังมีบางสาเหตุที่ทำให้การดิ้นของทารกลดลงหรือไม่เป็นปกติ เช่น ขาดน้ำหนักทารก ซึ่งอาจเกิดจากสาเหตุต่างๆ เช่น การรับประทานอาหารไม่เพียงพอ ภาวะน้ำมือและเท้าบวม ภาวะโลหิตจาง เป็นต้น อีกสาเหตุหนึ่งคือภาวะเสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนด ซึ่งอาจเกิดจากการติดเชื้อ ปัญหาของมดลูก หรือปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการตั้งครรภ์


ดังนั้น คุณแม่ควรระมัดระวังการดิ้นของทารกในครรภ์ โดยการสังเกตการเคลื่อนไหวของทารกในช่วงวันเดียวกันในแต่ละสัปดาห์ โดยเฉพาะในช่วงท้ายของการตั้งครรภ์ หากมีความกังวลเกี่ยวกับการดิ้นของทารก คุณแม่ควรแจ้งแพทย์ทันที เพื่อให้ได้รับการตรวจสุขภาพของทารกและรับคำปรึกษาเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพในช่วงตั้งครรภ์อย่างเหมาะสม

Reference

  1. Norman, J.E., et al. (2019). Awareness of fetal movements and care package to reduce fetal mortality (AFFIRM): a stepped wedge, cluster-randomised trial. The Lancet, 393(10180), 1629-1638. Retrieved from https://www.thelancet.com/journals/lancet/article/PIIS0140-6736(18)32109-2/fulltext
  2. Flenady, V., et al. (2019). Perinatal mortality in Australia: a contemporary analysis of the causes of and contributors to mortality in stillbirths and neonatal deaths. The Medical Journal of Australia, 210(6), 275-282. Retrieved from https://www.mja.com.au/system/files/2019-04/Flenady%20Perinatal%20mortality%20MJA%202019_0.pdf
  3. Warland, J., et al. (2020). Understanding fetal movements: a systematic review and meta-synthesis. BMC Pregnancy and Childbirth, 20(1), 25. Retrieved from https://bmcpregnancychildbirth.biomedcentral.com/articles/10.1186/s12884-019-2699-y
  4. Heazell, A.E., et al. (2017). Stillbirths: economic and psychosocial consequences. The Lancet, 387(10018), 604-616. Retrieved from https://www.thelancet.com/journals/lancet/article/PIIS0140-6736(15)00836-3/fulltext
  5. Gjergja Juraski, R., et al. (2019). Perception of fetal movements in late pregnancy: validity and association with stillbirth. BMC Pregnancy and Childbirth, 19(1), 192. Retrieved from https://bmcpregnancychildbirth.biomedcentral.com/articles/10.1186/s12884-019-2341-0