การสลับกินนมแม่และนมผงในลูกน้อยอาจมีผลเสียต่อสุขภาพของลูกน้อยได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงอายุ 6 เดือนแรกที่เป็นช่วงที่สำคัญสำหรับการพัฒนาของร่างกายและสมองของลูกน้อย
- นมแม่เป็นอาหารที่เหมาะสมและเต็มไปด้วยสารอาหารที่สำคัญสำหรับการเจริญเติบโตและพัฒนาของลูกน้อย นอกจากนี้ นมแม่ยังป้องกันการติดเชื้อและโรคต่างๆในลูกน้อยด้วย เพราะมีสารภูมิคุ้มกันหรือแอนติบอดี้มากมายที่ช่วยปกป้องร่างกายของลูกน้อย
- นมผงก็เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการให้ลูกน้อยเสริมสร้างสารอาหารในกรณีที่ไม่สามารถให้นมแม่ได้ อย่างไรก็ตาม นมผงไม่เหมือนนมแม่เนื่องจากไม่มีสารอาหารและสารภูมิคุ้มกันที่มีอยู่ในนมแม่ และอาจเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้กับลูกน้อยได้
นอกจากนี้ การสลับกินนมแม่และนมผงอาจทำให้ลูกน้อยไม่สามารถปรับตัวกับรสชาติและความหวานของนมแม่ได้ ซึ่งอาจส่งผลให้ลูกน้อยไม่ชอบนมแม่และต้องการนมผงเท่านั้น ยังอาจส่งผลกระทบต่อการดูแลลูกน้อยในด้านอื่น ๆ เช่น ลูกน้อยอาจมีการย่อยอาหารที่แตกต่างกันในนมแม่และนมผง ทำให้ต้องปรับสูตรอาหารให้เหมาะสมกับลูกน้อยแต่ละคน
นอกจากนี้ การสลับกินนมแม่และนมผงอาจมีผลกระทบต่อสมองของลูกน้อยด้วย การรับประทานนมแม่ช่วยกระตุ้นการพัฒนาสมองของลูกน้อยด้วยสาร DHA และ AA ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญสำหรับการพัฒนาสมองและสามารถพบได้เฉพาะในนมแม่เท่านั้น การสลับกินนมแม่และนมผงอาจทำให้ลูกน้อยได้รับสารอาหารเหล่านี้ไม่เพียงพอหรือไม่สมบูรณ์พอ ทำให้สมองและร่างกายของลูกน้อยไม่พัฒนาอย่างเต็มที่
ข้อเสียกินนมผง ทำให้ลูกถ่ายน้อยลง
การรับประทานนมผงอาจทำให้ลูกน้อยถ่ายน้อยลงได้ โดยเฉพาะหากไม่ปรับสูตรนมผงให้เหมาะสมกับลูกน้อย นมผงมีส่วนผสมและสารอาหารที่ต้องการให้ลูกน้อยต้องการเพียงพอเท่านั้น แต่การให้นมผงที่มากเกินไปอาจส่งผล กระทบต่อการย่อยอาหารของลูกน้อย ทำให้ลูกน้อยถ่ายอุจจาระน้อยลง
นอกจากนี้ การผสมนมผงด้วยน้ำไม่เหมาะสมอาจทำให้ลูกน้อยรับสารอาหารและความชื้นไม่เพียงพอ ทำให้ลูกน้อยเกิดอาการท้องผูกหรือถ่ายเหลวได้
ดังนั้น หากลูกน้อยมีปัญหาการถ่ายอุจจาระหรือมีอาการท้องผูกหรือถ่ายเหลว ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเด็ก เพื่อการวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม อาจมีการปรับสูตรนมผงหรือวิธีการให้นมผงให้ถูกต้องเพื่อลดผลกระทบต่อระบบย่อยอาหารของลูกน้อยและช่วยลดอาการท้องผูกหรือถ่ายเหลวให้กับลูกน้อยได้
Reference
- American Academy of Pediatrics. (2012). Breastfeeding and the use of human milk. Pediatrics, 129(3), e827-e841. URL: https://pediatrics.aappublications.org/content/pediatrics/129/3/e827.full.pdf (2012)
- Dewey, K. G. (2001). Nutrition, growth, and complementary feeding of the breastfed infant. Pediatric Clinics of North America, 48(1), 87-104. URL: https://www.sciencedirect.com/science/article/abs/pii/S0031395505705093 (2001)
- Horta, B. L., Bahl, R., Martines, J. C., & Victora, C. G. (2007). Evidence on the long-term effects of breastfeeding: systematic review and meta-analyses. World Health Organization. URL: https://www.who.int/child_adolescent_health/documents/9241595230/en/ (2007)
- Ip, S., Chung, M., Raman, G., Chew, P., Magula, N., DeVine, D., … & Lau, J. (2007). Breastfeeding and maternal and infant health outcomes in developed countries. Evidence Report/Technology Assessment, (153), 1-186. URL: https://www.ncbi.nlm.nih.gov/books/NBK38337/ (2007)
- Kramer, M. S., & Kakuma, R. (2012). Optimal duration of exclusive breastfeeding. Cochrane Database of Systematic Reviews, (8). URL: https://www.cochranelibrary.com/cdsr/doi/10.1002/14651858.CD003517.pub2/full (2012)