ไม่ต้องเก่ง ก็รวยได้!! ขายออน์ไลน์ทำยอดขาย 2 ล้านต่อเดือน

ในโลกออนไลน์ที่มีการแข่งขันกันสูง สินค้าต้องดี ตอบโจทย์ผู้ใช้ ถึงจะซื้อใจลูกค้าได้ ซึ่งยุคสมัยนี้ทุกคนก็สามารถเลือกเป็นตัวแทนขายสินค้าแบรนด์ไหนก็ได้ แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนที่ก้าวเข้าสู่การเป็นนักขายแล้ว จะสามารถประสบความสำเร็จได้โดยง่าย แต่นั่นก็เพื่อเป้าหมายที่จะมีรายได้เดือนละหลักหมื่น หลักแสน และหลักล้าน

ซึ่งการลงทุนเพื่อให้คุ้มความเสี่ยง! อาจต้องขึ้นอยู่กับหมวดสินค้าที่เราเลือกด้วย ว่ามีความต้องการในตลาดกลุ่มนั้นๆ มากแค่ไหน เพื่อให้การลงทุนของเราคุ้มค่าไม่สูญเปล่า เหมือนดั่งชีวิตของ คุณสปอย-อารียา มาลาศรี ตัวแทนจำหน่าย Jessie Mum แบรนด์อาหารเสริมเพิ่มน้ำนมแม่หลังคลอด ที่มั่นใจเลือกตลาด “หมวดสินค้าแม่และเด็ก” ใช้เวลาเพียงแค่ 2 ปี ก็สามารถมีรายได้ต่อเดือนที่ 2 ล้านบาท โดยหนึ่งเดือนจะขายอยู่ประมาณ 2,500 กล่อง หรือเฉลี่ยเป็นลูกค้าราวๆ 1,200 คน

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้าที่ “คุณปอย” จะเข้ามาเป็นตัวแทนจำหน่าย Jessie Mum ได้เล่าให้ฟังว่า หลังจากเเรียนจบมาใหม่ๆ ก็เหมือนทุกคนที่ต้องหางานประจำทำ ตอนนั้นพอไปสมัครทำได้เดือนก็รับเงินเดือนที่ 11,000 บาท เลยมานั่งคิดทบทวนว่า เราเรียนมาตั้งนานแต่ได้เงินเดือนเพียงแค่นี้เอง แต่ส่วนตัวเราเป็นคนไม่ได้เก่งแล้วจะทำอาชีพไหนได้ล่ะที่มีรายได้ที่มากกว่านี้ แต่พอดีมีคนใกล้ชิดเขาขายออนไลน์อยู่แล้ว เห็นเขามีรายได้ต่อเดือนเยอะ ก็เลยสนใจและเริ่มทำตามเขามาเรื่อยๆ ค่ะ

“เอาจริงๆ ปอยไม่ได้เก่งอะไรเลย แถมเป็นคนที่มึนๆ ด้วยซ้ำ เรียนจบก็ช้า ปกติเขาเรียนปริญญากัน 4 ปี แต่ปอยเรียนตั้ง 6 ปี ยังไปติดเอฟแทบทุกเทอมด้วยค่ะ ยิ่งเรียนในมหาลัยถ้าเกรดเราไม่ถึง 2.00 เขาก็ไม่ให้จบด้วย แต่ปอยก็พยายามเรียนจนจบได้ แต่ก็ได้เกรดเฉลี่ย 2.00 เป๊ะเลยค่ะ เราก็มึนๆ จบมาแบบกระท่อนกระแท่นอย่างนั้น”

ปัจจุบันคนวัยทำงานเริ่มมองหาลู่ทางหารายได้เสริมนั่นก็คือ “ขายออนไลน์” แต่ยังติดตรงที่จะขายอะไรดี เพราะต้องหาของมาขายจากต้นทุนที่เรามี ยิ่งใครที่เป็นพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์มือใหม่และไม่มีประสบการณ์จะไม่ค่อยกล้าเสี่ยงเกี่ยวกับเรื่องนี้ คุณปอย เล่าให้ฟังว่า

“ขายของออนไลน์ครั้งแรกเป็นของแต่งรถค่ะ พอดีคนใกล้ชิดเขาขายเลยขายตามเขาเลย แล้วก็อาหารเสริมต่างๆ เช่น นมผึ้ง คอลลาเจน กลูต้า ปอยก็ยึดขายตามกระแสในช่วงนั้น คือข้อดีของแบรนด์อาหารเสริมเป็นสินค้าหาง่ายค่ะ แต่คู่แข่งยอมรับว่าเยอะมาก การซื้อซ้ำก็น้อย การตัดสินใจ การเปลี่ยนแบรนด์ซื้อของลูกค้ามันก็ง่าย แต่รวมๆ แล้วช่วงที่ขายปอยก็มีรายได้เพิ่มขึ้นมานะ ได้เดือนละหมื่นกว่าบาท ก็ไม่ได้เยอะ เพราะเราทำแบบดรอปชิป (ไม่สต๊อกสินค้า) ด้วย เปลี่ยนสินค้าไปเรื่อยๆ ถ้าขายสินค้าเดิมๆ ลูกค้าก็จะเบื่อและไปหาลองตัวอื่นๆ และตอนนั้นเราก็ไม่ได้ทุ่มเทจริงจังอะไร เราแค่อยากมีรายได้เพิ่มนิดๆ หน่อยๆ เท่านั้นค่ะ แต่ก็ได้ประสบการณ์กลับมา”

Jessie Mum เป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงในบรรดากลุ่มอาหารเสริมเพิ่มน้ำนมแม่หลังคลอด การันตีโดยยอดคำค้นหาด้วยชื่อแบรนด์มากที่สุดในบรรดาอาหารเสริมกลุ่มเดียวกัน นั่นยิ่งทำให้โอกาสในการขายมีมากขึ้น ซึ่ง “คุณปอย” เล่าต่อว่า เราต้องการสินค้าที่มีการซื้อซ้ำบ่อยๆ จะได้ไม่ต้องเปลี่ยนสินค้าไปเรื่อยๆ จึงได้เริ่มมองหาสินค้าที่เกี่ยวกับแม่และเด็ก จนได้มาเจอแบรนด์ Jessie Mum จากที่มีโฆษณาเด้งมาที่หน้าฟีดของเราค่ะ พอคลิกเข้าไปดูและศึกษาข้อมูลของแบรนด์ ก็เห็นว่าเป็นอาหารเสริมที่ช่วยคุณแม่หลังคลอดที่มีปัญหาน้ำนมน้อย ให้กลับมามีน้ำนมเพิ่มขึ้น เราก็เลยมองว่ามันเป็นสินค้าจำเป็นจริงๆ มีตลาดชัดเจน มีการซื้อซ้ำจริงๆ ถ้าคุณแม่ชอบแล้วการตัดสินใจเปลี่ยนแบรนด์จะยากมากด้วย

 “ทีแรกเราไปเห็นโฆษณาของคนที่ขายเสื้อผ้าเด็กก่อน มันน่ารักดี ก็เลยนึกถึงแม่ของเรา เพราะตอนเด็กแม่ชอบซื้อเสื้อผ้าให้เรามาก ทำให้นึกว่าคนที่เป็นแม่ตัดสินใจซื้อของให้ลูกค่อนข้างง่าย แรกๆ เราก็ขอลองดูไปก่อน แต่ยังทำเป็นแบบดรอปชิปค่ะ พอขายไปสักพักแต่ละเดือนได้ถึง 5 หมื่นกว่าบาท เราไม่เคยจับเงินเยอะขนาดนี้ ดีใจมาก ได้เงินเพิ่มขึ้นหลายเท่ามาก จากการเพิ่งมาจับตลาดแม่และเด็ก ทำให้เราเริ่มเชื่อมั่นมากในตลาดนี้ค่ะ ยิ่งมาเจอ Jessie Mum ที่มีกลุ่มตลาดใหญ่ชัดเจนขนาดนี้ และเป็นกลุ่มตลาดที่เรามีฐานลูกค้าที่ขายสินค้าเด็กมาอยู่แล้ว ทำให้ไม่รอช้าที่จะเข้ามาเป็นตัวแทนค่ะ เพราะสินค้ามีการซื้อซ้ำจริงๆ”

ไม่ใช่แค่แบรนด์อาหารเสริมเพิ่มน้ำนมแม่ แต่ Jessie Mum เป็นโซลูชั่นที่ช่วยเพิ่มน้ำนมให้คุณแม่ สิ่งที่ขายจึงไม่ใช่แค่สินค้า แต่แบรนด์ยังมีบริการหลังการขาย และไม่ว่าจะเป็นใคร ก็สามารถเข้ามาเริ่มต้นเรียนรู้การขายได้จากที่นี่ ซึ่ง “คุณปอย” เล่าต่อว่า ปัจจุบันทุกประเทศในโลกมีการรณรงค์ในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อยู่แล้ว คุณแม่ส่วนใหญ่มีความตั้งใจที่จะให้นมลูกทุกคน เพราะนมแม่ดีที่สุดสำหรับลูก ไม่มีนมชนิดไหนในโลกมาเทียบได้เลยค่ะ ยังเป็นความภูมิใจของคนให้นมแม่ได้สำเร็จ ได้ใช้เวลาดีๆ อยู่กับลูก ยังเป็นการช่วยสร้างความผูกพันระหว่างแม่และลูกมากขึ้นด้วย

“ผลิตภัณฑ์ตัวนี้เป็นอาหารเสริมที่เข้าไปช่วยแก้ไขปัญหา เพราะคุณแม่ส่วนใหญ่ที่หลังคลอดแล้วมักปั๊มนมไม่ค่อยออก และก็มีคุณแม่เยอะมากที่มีปัญหาน้ำนมน้อย จนต้องไปพึ่งนมผง และนมผงราคาก็ค่อนข้างสูงกว่าได้กินนมแม่มาก ต่อเดือนบางบ้านต้องจ่ายตังค์ซื้อนมผงเกือบหมื่นก็มีค่ะ เอาจริงๆ แม่ทุกคนที่มีลูกเขาต้องการให้นมลูกด้วยตัวเองอยู่แล้ว อย่างต่ำประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี บางคนก็ 2-3 ปีเลยค่ะ ทำให้ผลิตภัณฑ์ตัวนี้เป็นสิ่งที่เขาต้องอยากทานอยู่แล้ว”

รายได้หลังเป็นตัวแทน

ซึ่งอย่างที่ทราบกันดีว่า การทำระบบตัวแทนจำหน่ายนั้น ก็เหมือนเรานำสินค้าของไปเราไปให้คนอื่นช่วยขาย และตัวแทนอาจจะไม่ต้องสนใจเรื่อง การผลิต, การจัดเก็บ, การทำ Branding หรือการจัดส่ง เพราะตัวแทนมีหน้าที่เพียงแค่หาลูกค้าและเพิ่มช่องทางการขายสินค้าเท่านั้น “คุณปอย” เล่าต่อว่า ในวันแรกที่มาสมัครเป็นตัวแทนกับ Jessie Mum ลงทุนไปประมาณ 100 กล่อง และมาถึงในวันนี้ตัวเองได้ขายไปแล้ว 2 หมื่นกล่อง ทั้งๆ ในวันแรกที่ลงทุน เราคิดว่าทำได้ไหม เราจะขายได้เหรอ แต่ก็สามารถขายได้ในจำนวนขนาดนี้ เป็นอะไรที่เกินคาดมากค่ะ

“ต้องบอกก่อนว่า ช่วงที่ขายเสื้อผ้าเด็กได้ยอดอยู่ 5 หมื่นบาท แต่ยอดไม่ได้โตเท่ากับขาย Jessie Mum เลย คือปอยขายในเดือนแรกได้กำไรมา 5 หมื่น แต่จริงๆ ความพิเศษมันอยู่ที่เดือนที่สอง มีรายได้แตะแสนบาทแล้วค่ะ  เดือนที่สามทะลุไป 2 แสน  อย่างที่บอกเป็นสินค้าที่คุณแม่ซื้อซ้ำจริงๆ เพราะเดือนแรกเรามีฐานลูกค้าใหม่ทั้งหมด  ในเดือนที่สองเรายิงแอดเท่าเดิม แต่ยอดขายมันเพิ่มขึ้น และมีฐานลูกค้าจากเดือนแรกเขากลับมาซื้อซ้ำในเดือนที่สอง นี่ถือเป็นพลังของการซื้อซ้ำ ที่มีลูกค้าสะสมซื้อซ้ำขึ้นทุกๆ เดือน เรายิงแอดเท่าเดิม แต่รายได้เพิ่มขึ้น ตอนนี้ก็ทำมา 2 ปี ได้ผลลัพธ์มีรายได้ 2 ล้านบาท”

เพราะตัวสินค้าที่เป็นอาหารกระตุ้นน้ำนมสำหรับคุณแม่ อาจทำให้หลายคนคิดว่าการเข้ามาเป็นตัวแทนจำหน่ายจะต้องมีประสบการณ์และรู้จักกับผลิตภัณฑ์เป็นอย่างดีด้วยตัวเอง ซึ่งจริงๆ แล้ว การใช้ระบบตัวแทนจำหน่ายเป็นวิธีการขยายธุรกิจที่ดีมากๆ ซึ่ง “คุณปอย” เล่าต่ออีกว่า ใครที่อยากมาสมัคร เริ่มลงทุนที่ 50 กล่องค่ะ ก็สามารถเป็นเจ้าของธุรกิจได้แล้ว เราขายให้ได้ 50 กล่อง ก็ไม่ได้ขายยากเลยค่ะ ถ้าตั้งใจขายจริงๆ ใน 1 เดือนก็หมด แค่วันละ 2 กล่องเท่านั้น คุณแม่เขาจะทาน 1 เดือน 2 กล่องอยู่แล้ว และยังไม่รวมซื้อซ้ำอีก และเดือนที่สอง สาม ลูกค้าที่มาซื้อซ้ำก็จะตามมาอีก

 

“จากประสบการณ์ที่ตัวเองทำมาตลอด มันต่างกันอยู่แล้วระหว่าง สต๊อกสินค้า กับ ไม่สต๊อกสินค้า  บอกเลยว่า แบบดรอปชิปบริษัทไม่ค่อยมั่นคง เพราะเคยขายอยู่แล้วบริษัทปิดตัวลงก็มีจำนวนเยอะเหมือนกัน  แต่มาคิดดูดีๆ การสต๊อกของ ถือเป็นการลงทุนอย่างหนึ่งนะคะ ไม่ใช่ค่าใช้จ่าย แล้วการขาย Jessie Mum ก็ไม่ได้ขายยากอย่างที่คิดเลย แค่คุณตั้งใจทำตามที่ทางแบรนด์แนะนำ ยังไงก็ขายได้ แค่ทำตามหรือ ลอก ตามคนสำเร็จเท่านั้นค่ะ”

ไม่มีความรู้ ไม่มีลูก ก็ขายได้

หลายคนมีความตั้งใจอยากขายของ อยากหารายได้ เพียงแต่อาจจะไม่มีความรู้ในการขายของออนไลน์มาก่อน หรือไม่เคยขายมาก่อน แบรนด์เลยจัดให้มีที่ปรึกษาแบบส่วนตัวและเปิดสอนการขายของออนไลน์ที่ครอบคลุมทุกอย่างที่ควรรู้ในการทำธุรกิจ โดยไม่ต้องเสียเงินไปหาคอร์สเรียนเอง เรื่องนี้ “คุณปอย” เล่าต่อว่า ใครที่อยากมีรายได้สามารถมาร่วมขายได้หมดค่ะ ไม่จำเป็นต้องมีลูก ไม่มีความรู้ หรือต้องเป็นคนเก่ง ไม่ต้องรวย ก็มาขายได้หมด เพราะตัวปอยก็ไม่มีลูกเหมือนกัน ไม่ได้เก่งอะไร มึนๆ แบบนี้แหล่ะ ก็ยังขายได้ สินค้ามันขายได้ด้วยตัวมันเองอยู่แล้ว มีตลาดที่ชัดเจน บริษัทก็มีการซัพพอร์ตสื่อการขายให้ทุกอย่าง มีที่ปรึกษาส่วนตัวให้ คอยดูแลประกบเราให้ขายให้ได้

ตัวแทนใหม่ๆ อาจจะกังวลว่า เขาจะขายได้ไหม เขาไม่เคยขายออนไลน์มาก่อนเลย  ทางบริษัทเขามีเรื่องของระบบ AI แชทบอทติดตั้งให้ เป็นแชทบอทแบบแพทเทิร์นการขาย ที่ค่อนข้างสมบูรณ์มาก คือจะช่วยลูกค้าปิดการขายได้ค่อนข้างดี

ตลาดอาหารเสริมบำรุงน่้ำนมแม่นับวันยิ่งเติบโต

สมุนไพรเพิ่มน้ำนมแม่ Jessie Mum  มี Target ชัดเจน มีอยู่จริง ในหนึ่งปีมีคุณคลอดลูกประมาณ 5-6 แสนคนต่อปี โอกาสการเติบโตของแบรนด์ยังมีอีกเยอะมาก และกระแสการให้น้ำนมแม่ยังมีต่อเนื่องทั่วประเทศและทั่วโลก

“ด้วยสินค้าประเภทนี้ยังมีอยู่น้อยมากๆ คู่แข่งก็ยังน้อย ตลาดยังมีความต้องการอีกเยอะ สินค้าพร้อมที่จะเติบโตได้อีกหลายเท่าตัว  ดูที่ปอยสิคะ คนเดียวยังดูแลคุณแม่กว่า 2,500 ครอบครัว ยังเหลืออีกตั้งเยอะที่ไม่มีใครเข้าไปดูแลในจุดนี้  ฉะนั้นมาช่วยกันดูแลให้ลูกได้ทานนมแม่กันเยอะๆ ดีกว่าค่ะ มันเป็นความภาคภูมิใจเล็กๆ มากกว่าตัวเงินที่ขาย Jessie Mum อีก มีคุณแม่มาขอบคุณเรา เหมือนเราไปช่วยชีวิตเขาจริงๆ เขาไม่ได้มองตัวเงินที่จ่ายเงินมาให้เราหรอกค่ะ แต่เขามองที่ผลลัพธ์มากกว่าค่ะ  ที่ช่วยให้ลูกเขามีพัฒนาการที่ดี เติบโตได้ตามวัยอย่างแข็งแรงจริงๆ”

คุณสปอย กล่าวทิ้งท้าย